Daily Focus: Earnings and Value Plays
2022 SET Target: 1670
ตลาดหุ้นวานนี้ : ดัชนีแกว่งแคบ นักลงทุนจับตาปฏิกิริยาของจีนตลอดทั้งวัน และปิดบวก 5.57 จุด ปริมาณการซื้อขายเบาบาง 5 หมื่นลบ. DELTA และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลช่วยประคองตลาด นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายหุ้นแต่เป็นปริมาณเพียง 108 ลบ. (และ Long Index Futures 2.37 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศขายหุ้น 853 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways up 1,600+/- จุด บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายหลังจากการเยือนไต้หวันของนาง Pelosi ไม่ได้ทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างสหรัฐและจีน การประชุม OPEC มีมติเพิ่มกำลังผลิตเพียง 100,000 บาร์รเรล/วันในเดือน ก.ย. ต่ำมากเมื่อเทียบกับ ก.ค.-ส.ค. ที่เพิ่ม 648,000 บาร์เรล/วัน แต่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มเกินคาด ทำให้ราคาน้ำมันปรับลงแรง 4% WTI แตะ US$90.66/ บาร์เรล กดดันหุ้นน้ำมันต้นน้ำและถ่านหินวันนี้ แต่บวกกับหุ้นโรงไฟฟ้า แพคเกจจิ้ง วัสดุ ก่อสร้าง โลจิสติกส์ และภาพตลาดโดยรวมเพราะทำให้บรรเทาความวิตกเงินเฟ้อ ขณะนี้นักลงทุนในน้ำหนัก 68.5% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 63.3% ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 1-2 พ.ย. ส่วนการที่บอร์ด กสทช. ชะลอดีลควบรวม TRUE-DTAC รอวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม จะทำให้หุ้นกลุ่มสื่อสาร Overhang ต่อไป จากนี้ไปเริ่มเข้าช่วงประกาศงบกลุ่ม Domestic Play คาดยังปรับตัวได้แข็งแรง หนุน กระแสเงินทุนไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่ Valuation ถูกกว่าช่วงก่อน COVID-19 ส่วนหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q22 โดดเด่นคาดว่าจะ Outperform ตลาดช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q22 และหุ้น Value Plays // แบ่งขายบางส่วนที่ 1,600+
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 31.00 บาท
- คาดกำไร 2Q22 +84% Y-Y เป็น 2.7 พันลบ. สูงกว่าช่วงก่อนโควิด 46% หนุนจากผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางและ CLMV
- รายได้ปีนี้ที่คาด +12% Y-Y อาจมี upside จากผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มมากกว่าคาด โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางและ CLMV เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางที่กลับมาถึง 70% ของช่วงก่อนโควิดตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. แล้ว
- แนวรับ 27-27.25 บาท แนวต้าน 28.50-28.75 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องในปริมาณที่ลดลงจากวันก่อนหน้าเป็น US$260 ล้าน นำโดยไต้หวัน (US$242 ล้าน) และอินโดนีเซีย (US$480 ล้าน) จากการซ้อมรบของจีนบริเวณรอบไต้หวัน และไหลเข้าเกาหลีต่อ (US$425 ล้าน) ส่วนไทยพลิกมาขายเล็กน้อย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดไหลออกเบาบางรอดูผลประกอบการแต่ละตลาด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มรับเหมาฐานราก PYLON จะเด่นกว่า SEAFCO โดยเราคาด PYLON มีกำไร 38 ลบ. +123% Q-Q, +83% Y-Y จากการรับรู้ Backlog ระดับสูง ใช้เครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็น 16-17 ชุด จาก 1Q22 ที่ 12-13 ชุด สวนทางกับ SEAFCO ที่คาดขาดทุนหนักขึ้นเป็น -54 ลบ. จาก -42 ลบ.ใน 1Q22 เพราะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน เราปรับลดประมาณการปีนี้ของทั้ง 2 บริษัทจากการเริ่มงานใหม่ล่าช้ากว่าคาด ทำให้คาดกำไรของ PYLON ที่ 120 ลบ. +202% Y-Y และ SEAFCO ขาดทุนมากขึ้นเป็น -80 ลบ. เราชอบ PYLON มากกว่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.50 บ. ส่วน SEAFCO แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 4 บ. หุ้นจะเริ่มกลับมาน่าสนใจช่วง 4Q22 ที่กลับเป็นกำไร
(+) ILM คาดกำไร 2Q22 ที่ 154 ลบ. -4% Q-Q จากต้นทุนพลังงานและค่าไฟที่ปรับสูงขึ้นแต่ +53% Y-Y โดยคาด SSSG +13% Y-Y (ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า) จากการกลับมาเปิดสาขาได้ทั้งหมด อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวเด่น หลังยกเลิกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี margin ต่ำ ปรับราคาขึ้นตามต้นทุนไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดที่สูงขึ้น และรับรู้รายได้ค่าเช่าจาก COM7 และ Shopee มากขึ้น กำไร 1H22 จึงน่าจะ +28% Y-Y คิดเป็น 51% ของกำไรทั้งปีที่คาด +36% Y-Y และกำไร 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 18% CAGR เบื้องต้นให้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 21 บาท (DCF) ปัจจุบันมี PE เพียง 14.5x ต่ำสุดในกลุ่มค้าปลีก แนะนำซื้อ
(+) CKP คาดกำไร 2Q22 850 ลบ. โต 21 เท่า Q-Q, +20% Y-Y จากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่สูงขึ้นมาก เพราะปริมาณน้ำฝนมาก และจีนปล่อยน้ำจากเขื่อน ปริมาณน้ำฝนที่ยังสูงใน 3Q22 หนุนกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีต่อเนื่อง การลงนามใน tariff MOU กับ EGAT ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง กำลังผลิต 1.46GW คาด COD ปี 2029/2030 จะเป็น upside ต่อกำไรในปีดังกล่าว แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท (Source: FSSIA)
(+) JMART คาดกำไร 2Q22 +25% Q-Q, +75% Y-Y ตามกำไรที่ดีขึ้นของบ.ลูก โดยคาดกำไร JMT +16% Q-Q, +47% Y-Y และ SINGER +18% Q-Q, +39% Y-Y รวมถึง J ที่ดีขึ้นจากรายได้ค่าเช่าหลังโควิดคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม เราปรับลดกำไรของ JMT, SINGER ลงไปก่อนหน้านี้ ทำให้กำไรของ JMART ปี 2022-23 ลดลง 11% และ 19% แต่ยังโตสูง 59% Y-Y ปีนี้ ปรับไปใช้เป้าปี 2023 ที่ 66 บาท ยังแนะนำซื้อ (Source: FSSIA)
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,812.50 จุด พุ่งขึ้น 416.33 จุด หรือ +1.29% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และดัชนีภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้น
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก ตามการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 36.18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ -4% ปิดที่ 90.66 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น แม้มีปัจจัยบวกจากโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังผลิตเพียงเล็กน้อย
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 13.3 ดอลลาร์ หรือ -0.74% ปิดที่ 1,776.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึงเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาชิคาโกได้สนับสนุนให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,000.65 / -2.32