บล.เอเซีย พลัส:

เปิดหม้อ

คาดกำไรงวด 2Q65 (ประกาศ 10 ส.ค. 65) อยู่ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นระดับ 58% ของกำไรก่อน COVID พลิกจากขาดทุน 99 ล้านบาทงวด 2Q64 หลังสถานการณ์ COVID ในไทยดีขึ้น และเติบโต 47.6% QoQ จาก High season หนุนแนวโน้มรายได้มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาท (+15% QoQ,+60% YoY) คิดเป็นระดับ 90% ของ Pre-COVID และ SG&A/Sales ลดลง เพราะ Economies of scale

คงแนะนำ ซื้อ จากพัฒนาการกำไรในเชิง YoY รายไตรมาส และปี 2566 กลับสู่ระดับ 70% ของ Pre-COVID ตามการ Recovery ของเศรษฐกิจไทย กอปรกับโครงสร้างทางการเงินเป็น Net Cash ราว 7.9 พันล้านบาท พร้อมต่อยอดการเติบโตผ่าน M&A ด้านราคาหุ้น M ยัง Laggard หุ้น Reopening อื่น

คาดกำไร 2Q65 เติบโต 47.6% QOQ หนุนด้วยยอดขาย

ฝ่ายวิจัยคาดกำไรงวด 2Q65 (ประกาศ 10 ส.ค. 65) อยู่ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นระดับ 58% ของกำไรงวด 2Q62 พลิกจากขาดทุน 99 ล้านบาทงวด 2Q64 หลังสถานการณ์ COVID-19 ในไทยดีขึ้น และเติบโต 47.6% QoQ จาก High season รวมถึงมองว่าผู้บริโภคเริ่มปรับรูปแบบการใช้ชีวิต ภายใต้การระบาดของ COVID-19 มากขึ้น

โดยแนวโน้มรายได้อยู่ที่ 4 พันล้านบาท (+15% QoQ,+60% YoY) คิดเป็นระดับ 90% ของยอดขาย Pre-COVID ตามปัจจัยหนุนข้างต้น ขณะที่จำนวนสาขาใกล้เคียง QoQ และ YoY ที่ 707 สาขา ซึ่งรายได้ที่สูงขึ้นย่อมบวกต่อ Economies of scale ประเมินทำให้สัดส่วน SG&A/Sales ลงมาที่ 53.4% เทียบกับ 57.5% งวดก่อน (2064 ที่ 70.5%) ภาพรวมชดเชยคาดการณ์ Gross Margin ที่อ่อนตัว 1% QoQ มาที่ 64.6% (2Q64 ที่ 63.2%) สาเหตุจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น อาทิ หมู (สัดส่วน 20% ของต้นทุน) ตามสภาวะ Inflation

ต้นทุนวัตถุดิบสะท้อนในประมาณการแล้ว

กำไร 1H65F เท่ากับ 670 ล้านบาท จากขาดทุน 11 ล้านบาท งวด 1H64 สำหรับทิศทางกำไร 3Q65 ลด QoQ หลังผ่าน High season ก่อนฟื้นงวด 4Q65 จากการเข้าสู่ฤดูกาลเฉลิมฉลอง ด้านต้นทุนวัตถุดิบงวด 2H65 แม้เป็ด (สัดส่วน 20% ของต้นทุน) จะมีการปรับขึ้นราว 5% หลังคู่ค้าขอปรับสัญญาใหม่ เพราะต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินต้นทุนของ M เฉพาะส่วนของเป็ดเพิ่ม 1% จาก 1H65 ขณะที่ต้นทุนหมู (ทำสัญญาซื้อขายรายเดือน) ช่วง ก.ค. 65 ยังสูงขึ้นจาก มิ.ย. 65 จึงคาดต้นทุนหมู 3Q65 ขยับขึ้นจาก 2Q65 ก่อนจะอ่อนตัวในช่วง 4Q65 จากเทศกาลกินเจ ทำให้คาดการณ์ต้นทุนหมูเฉลี่ย 2H65 กับ 1H65 ไม่น่าแตกต่างกันอย่างมีนัยฯ ซึ่ง M มีการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการปรับเพิ่มราคาขายครั้งที่สองของปีเฉลี่ย 2% – 3% ในเดือน มิ.ย. 65 นอกจากนี้กำไร 1H65F คิดเป็นสัดส่วน 58% ของคาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 1.15 พันล้านบาท (คิดเป็นระดับ 44% ของปี 2562) เชื่อว่า Downside ต่อประมาณการจำกัด จึงคงประมาณการเดิม

งบดุลแกร่ง พร้อมกำไรฟื้น และราคา LAGGARD … ซื้อ

อิง DCF (WACC – 9.9%) ให้ FV ปี 2565 ที่ 60 บาท คงแนะนำ ซื้อ จากพัฒนาการกำไรในเชิง YoY รายไตรมาส และปี 2566 กลับสู่ระดับ 70% ของ Pre-COVID ตามการ Recovery ของเศรษฐกิจไทย กอปรกับโครงสร้างทางการเงินเป็น Net Cash ราว 7.9 พันล้านบาท พร้อมต่อยอดการเติบโตผ่าน M&A ขณะที่ราคาหุ้นลบ 0.5% YTD Laggard หุ้น Reopening อื่นพอสมควร ช่วย Limit Downside ราคาหุ้น

ประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญ

1.กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะในต่างจังหวัด อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายร้านอาหารเดิม (SSSG) ให้เติบโตชะลอตัวลงได้ ส่งผลต่อเนื่องถึงสัดส่วน SG&A/Sales ให้ต่ำกว่าสมมติฐาน

2.ราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับสูง ตามสภาวะ Inflation เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ Gross Margin

M แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 52.00

ราคาเป้าหมาย (บาท) 60.00

Upside (%) 15.40

Dividend yield (%) 2.1

 

- Advertisement -