บล.บัวหลวง:
LPN Development (LPN TB/LPN.BK) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
LPN รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY แต่ลดลง 23% QoQ หากไม่รวมทําไรจากการขายสินทรัพย์ ก่าไรหลักจะอยู่ที่ 147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY แต่ลดลง 22% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด LPN ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งแรกของปี 2565 ที่ 0.10 บาทต่อหุ้น (เป็นไปตามที่เราคาด) ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 2.2% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 1 ก.ย.)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ผลประกอบการไตรมาส 2/65 ที่อ่อนแอเป็นผลมาจากยอดโอนโครงการใหม่ และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น LPN รายงานยอดขายที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง YoY แต่อ่อนตัว QoQ ที่ 1.5 พันล้านบาท (โครงการคอนโด 62%, โครงการแนวราบ 38%) เพิ่มขึ้น 57% YoY แต่ลดลง 14% QoQ เนื่องจากในไตรมาส 1/65 โครงการ ลุมพินี เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เริ่มมีการโอนโครงการ (มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท โอนแล้ว 28% ในไตรมาส 1/65) แต่มีการโอนโครงการเพียง 22% ในไตรมาส 2/65 ยอดขายโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น 30% YoY และ 4% QoQ หนุนโดยโครงการ บ้าน บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ลาดกระบัง สุวรรณภูมิ รายได้ธุรกิจให้เช่าและบริการเติบโตแข็งแกร่งอยู่ที่ 447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 6% QoQ อัตรากําไรขั้นต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 22% ในไตรมาส 2/65 ลดลง 380bps YoY (ทรงตัว QoQ) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 14.8% ลดลง 250bps YoY แต่เพิ่มขึ้น 90bps QoQ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ (มูลค่ารวมโครงการอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท) อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิทรงตัวอยู่ที่ 0.8 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.
แนวโน้ม
เราคาดว่ากําไรหลักจะเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 ยอดขายที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ อัตรากาไรขั้นต้นจากที่อยู่อาศัยไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มอยู่ในช่วง 22-24% เพิ่มขึ้นจาก 20.9% ในไตรมาส 3/64 และเพิ่มขึ้นจาก 22.0% ในไตรมาส 2/65 (ทรงตัว QoQ) ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด (มูลค่าโครงการ 1.1 พันล้านบาท จองแล้ว 28%) ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 (มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท จอง แล้ว 41%) และบ้าน 365 เมืองทอง (มูลค่าโครงการ 2.6 พันล้านบาท จองแล้ว 3%) จะเริ่มโอนในไตรมาส 3/65 รายได้ธุรกิจให้เช่าและบริการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง YoY และทรงตัว QoQ เนื่องจากมีการเลื่อนกําหนดการเปิดโครงการจากไตรมาส 2/65 ไปเป็นไตรมาส 3/65 จึงทําให้เราคาดว่าการเปิดตัว 3 โครงการในไตรมาส 3/65 ซึ่งมีมูลค่ารวม 4.7 พันล้านบาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง YoY และ QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
กําไรหลักครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปีของเรา (และ 52% ของประมาณการตลาด) ซึ่งยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ประมาณการกำาไรหลักปี 2565 ของเราอยู่ที่ 699 ล้านบาท (ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 ที่ 45%) จากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/65 ดังนั้น กระแสเงินสดและงบดุลมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
คําแนะนํา เรายังคงคำแนะนำา “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.80 บาท อิงจาก PER ที่ 10 เท่า (ค่าเฉลี่ยระยะยาว) เพื่อสะท้อนการเปิดตัวโครงการที่ไม่แน่นอนและกำลังซื้อที่ลดลง (เนื่องจากโครงการระดับล่าง) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น LPN อาจตอบสนองในเชิงบวกจากเงินปันผลระหว่างกาล เราจึงมองว่านี่เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นเท่านั้น
LPN – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กลางวันนี้ สารสำคัญออกมาเชิงกลาง จากผู้บริหารส่งสัญญาณแนวโน้มกำไร 3Q22 จะเติบโต YoY (ฐานที่ต่ำมากใน 3Q21 เพียง 24 ล้านบาท) และ QoQ จากโครงการใหม่ที่จะเริ่มรับรู้ใน 3Q22 และ GM ที่ผู้บริหารคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
Highlights:
- แนวโน้มผลประกอบการ 3Q22 จะออกมาเติบโต YoY และ QoQ จากยอดโอนโอนโครงการใหม่คือ Lumpini Ville Changwatthana Pakkret Station (มูลค่าโครงการ Bt1.1bn, ยอดจองซื้อเฉลี่ย 28%), Lumpini Ville Changwatthana 10 (Bt540m , 41%), BAAN 365 Muangthong (Bt2.6bn, 3%) และ Lumpini Town Ville Sai Mai 18-Phahonyothin (Bt580m, 42%)
- ผู้บริหารมองว่า GM บริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว Bottom Out โดยบริษัทมองว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 22.0% ที่ทำได้ใน 1H22 โดย GM จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 2H22
- ผู้บริหารมั่นใจในการเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H22 มูลค่ารวมโครงการ 1.3 หมื่นล้านบาท (คอนโด 8.7 พันล้านบาท, แนวราบ 4 พันล้านบาท)
- บริษัทได้มีการจัดเปลี่ยนโครงการเปิดใหม่ โดยมีทั้งหมด 5 แบรนด์ใหม่ คือ PLACE 168 (2Q22), PARK 168 และ VILLE 168 สำหรับคอนโด และ RESIDENCE168, VILLA168 และ VENUE168 สำหรับโครงการแนวราบ ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวใน 3Q22
- ผู้บริหารมองว่าค่าวัสดุก่อสร้างได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ราคาต้นทุนอสังหายังคงสูงกว่าต้นทุนปกติ ดังนั้นการเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H22 จะไม่กระทบต่อ GM เท่ากับช่วง 1H22
View From Fundamental:
- จากภาพของกำไรที่อ่อนแอในไตรมาส 2 และ ราคาหุ้นมูลค่าการซื้อขายอยู่ค่อนข้างแพงที่ 13.2 เท่า โดยราคาหุ้นอาจจะมีการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นได้ได้จากการจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 2.2% ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท