บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

CH. Karnchang (CK) กำไร 2Q65 จะสูงสุดในไตรมาส

Results Preview

Backlog เข้าสู่ New S-Curve คงแนะนำ ซื้อ

คาดกำไร 2Q65 จะดีขึ้น 340 ล้านบาท (+180%QoQ, +7%YoY) สูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส แรงหนุนจากบริษัทลูก TTW, BEM และ CKP Backlog ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 หมื่นล้านบาท มากกว่าต้นปีก่อนเท่าตัว มีแนวโน้มได้งานเพิ่ม จะหนุน Backlog เข้าสู่ New S-Curve มากกว่า 2 แสนล้านบาท หนุนผลประกอบการเติบโตสูง CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 6.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 37 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล เราประเมินราคาเป้าหมายวิธี Sum of the Part เท่ากับ 24 บาท คงแนะนำ ซื้อ

คาดกำไรจะสูงสุดรอบไตรมาส แรงหนุนจากบริษัทลูก

CK จะประกาศผลประกอบการ 2Q65 ในวันที่ 15 ส.ค. นี้ เราคาดจะมีกำไร 340 ล้านบาท เติบโต 180%QoQ และ 7%YoY กำไรทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส ได้แรงหนุนจากปันผลจาก TTW (ถือหุ้น 19.4%) 232 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM (ถือหุ้น 31.7%) 180 ล้านบาท และ CKP (ถือหุ้น 30.0%) 233 ล้านบาท ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคาดยอดรับรู้รายได้จะยังต่ำ 3,200 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงเตรียมการก่อสร้างโครงการใหม่ แต่ลดลง 55%QoQ จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก ไตรมาสก่อนมีงาน Early Work ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง 3.5 พันล้านบาท กำไรขั้นต้นคาดจะลดลงเหลือ 7.9% จาก 8.4% ในไตรมาสก่อน และ 8.1% ในปีก่อน ถูกกระทบจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น

คาดหวัง Backlog จะเข้าสู่ New S-Curve

CK ประมูลงานใหม่ได้มากขึ้น Backlog ปัจจุบันเพิ่มเป็น 64,652 ล้านบาท มากกว่าต้นปีก่อนเท่าตัว ล่าสุดโรงไฟฟ้าพลังงานนำหลวงพระบาง 1,460MW (CK ถือ 10%, CKP ถือ 42%) เป็นการก่อสร้างงานโยธาประมาณ 8 หมื่นล้านบาท คาดจะลงนามสัญญาก่อสร้างได้ในครึ่งหลังปีนี้ จะทำให้ Backlog เพิ่มเป็น 144,000 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ รวมงานเดินรถ 1.27 แสนล้านบาท เรามองกลุ่ม CK มีความได้เปรียบ จะทราบผลภายใน 4Q65 นี้ ถ้ากลุ่ม CK ชนะการประมูลจะทำให้ Backlog มากกว่า 2 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่

สถานการณ์ต้นทุนเหล็กลดลง ส่วนปูนซีเมนต์ปรับขึ้นไม่มากนัก

จากข้อมูลของสถาบันเหล็ก ราคาเหล็กเส้นขนาด 16มม. ครึ่งหลังของเดือน ก.ค. 2565 ลดลงเหลือ 22,106 บาท/ตัน ลดลง 21% จากจุดสูงสุดในเดือน เม.ย. 2565 โดยต้นทุนเหล็กคิดเป็น 10-20% ของต้นทุนรวม ส่วนราคาปูนซีเมนต์ (สัดส่วน 10-20% ของต้นทุนรวม) ดัชนีราคาปูนซีเมนต์ ปรับขึ้นไม่มากนัก 4.7%YTD

- Advertisement -