บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +35.8%

Close Aug 4, 2022 Price (THB) 13.40

12M Target (THB) 18.20

Previous Target (THB) 17.40

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิใน 2Q65 ทำ New High ที่ 124 ลบ. (+10% QoQ, +44% YoY) เติบโตสูง YoY มาจากรายได้ธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าที่เพิ่มขึ้นเด่น ขณะที่ QoQ มาจากอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจ Air Freight ที่ฟื้นตัว
  • แนวโน้มกำไรปกติใน 3Q65 มีโอกาสเติบโต QoQ และ YoY จากการเข้าสู่ช่วง High Season หนุนปริมาณการขนส่งทางอากาศ และค่าระวางทางอากาศเฉลี่ย QTD ที่ยืนในระดับสูง

Our view

  • ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565/66 ขึ้น 15% และ11% เป็น เป็น 492 ลบ. (+54% YoY) และ 520 ลบ. (+6% YoY) ตามลำดับ สำหรับปี 2565 หลักๆ มาจากการ ปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าขึ้นเพื่อ สะท้อนรายได้ของ ANI ใน 1H65 ที่ดีกว่าคาดการณ์เดิม
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 18.20 บาท/หุ้น ราคาปัจจุบันซื้อขาย บน PER2565 ที่ 18.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท

TRIPLE I LOGISTICS คาดกําไรสุทธิ 2Q65 ทําจุดสูงสุดใหม่

คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส

เราคาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 120 ลบ. (+4% QoQ, +34% YoY) เติบโตสูง YoY มาจาก 1) รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์คาดที่ 209 ลบ. (+8% QoQ, +239% YoY) ตามปริมาณงานรับจัดส่งสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าคาดที่ 80 ลบ. (-3% QoQ, +72% YoY) เติบโตสูง YoY หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไร ของ ANI (จากค่าระวางทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และการรวม Asia GSA (M) เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 65) และส่วนแบ่งกำไรจาก AOTGA คาดพลิกเป็นกำไรได้จากขาดทุนใน 2Q64 หนุนจากปริมาณเที่ยวบินปรับตัวเพิ่มขึ้น

หากเทียบ QoQ คาดกำไรปกติจะเติบโตได้เล็กน้อย แม้ว่ารายได้ Air Freight คาดที่ 340 ลบ. ลดลง 6% QoQ และ 10% YoY จากผลกระทบของการล็อคดาวน์ในประเทศจีนช่วงเดือน เม.ย. 2565 กดดันปริมาณการขนส่งทางอากาศ แต่คาดอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q65 จะฟื้นตัว 40 bps QoQ เป็น 16.5% หลักๆ มาจากส่วนธุรกิจ Cargo Terminal คาดขาดทุนลดลง QoQ ตามปริมาณการขนส่งทางอากาศที่สนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (แต่ยังลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบ YoY จึงเป็นประเด็นกดดันอัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลง 4.9% YoY)

ทั้งนี้ เราคาดบริษัทจะมีการบันทึกรายการพิเศษ 2 ส่วนหลัก คือ กำไรจากการปรับโครงสร้าง ShipSmile คาด 20 ลบ. และรายการตั้งสำรองพิเศษหนี้ของบริษัท Air Asia X (ใช้บริการคลังสินค้าของบริษัท) จากการยื่นขอฟื้นฟูกิจการใน เดือน พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา คาด 16 ลบ. โดยเมื่อรวมผลจากรายการพิเศษดังกล่าวแล้วส่งผลให้กำไรสุทธิใน 2Q65 คาดเป็นจุดสูงสุดรายไตรมาสที่ 124 ลบ. (+10% QoQ, +44% YoY)

แนวโน้มกำไรปกติดีต่อใน 3Q65… เดินหน้าเจรจาพันธมิตร

เบื้องต้นคาดแนวโน้มกำไรปกติใน 3Q65 มีโอกาสเติบโต QoQ และเติบโตสูง YoY จากปริมาณการขนส่งทางอากาศ คาดได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season และการเปิดประเทศมากขึ้นตั้งแต่ 1 ก.ค. 2565 ทำให้สายการบินต่างๆ มีการเพิ่มเส้นทางบินมากขึ้น ประกอบกับค่าระวางทางอากาศเฉลี่ย 3QTD (อ้างอิง Baltic Air Freight Index) ยังอยู่ในระดับสูงที่ 3679 จุด เติบโตราว 9% YoY

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรขนส่งทางรางในจีนหลายราย คาดมีโอกาสเห็นการเปิดตัวได้ในช่วง 3Q65 หากการเจรจาสำเร็จจะทำให้การขนส่งทางรางครบวงจรมากขึ้น (จากที่ในเดือน พ.ค. 2565 ได้จับมือกับ Sitthi Logistics Laos ไปแล้ว) อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนส่งทางรางยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่ได้สร้างรายได้อย่างมีนัยยะใน 2Q65 โดยเราได้รวมประมาณการกำไรของธุรกิจขนส่งทางรางไว้ในประมาณการปี 2565/66 แล้วที่ 8 ลบ. และ 18 ลบ. ตามลำดับ)

ปรับประมาณการปี 2565/66 ขึ้น 11%-15%

เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565/66 ขึ้น 15% และ 11% เป็น 492 ลบ. (+54% YoY) และ 520 ลบ. (+6% YoY) ตามลำดับ สำหรับปี 2565 หลักๆ มาจาก 1) การปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าขึ้น 28% เป็น 346 ลบ. เพื่อสะท้อนรายได้ของกลุ่มธุรกิจ ANI ใน 1H65 ที่ดีกว่าคาดการณ์เดิม และ 2) การปรับสมมติฐานกำไรขั้นต้นลง 1.4% เป็น 17.4% หลักๆ มาจากการปรับอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Air Freight ลงเพื่อสะท้อนธุรกิจ Cargo Terminal ที่สนามบินดอนเมืองที่ยังคงขาดทุนใน 1H65 จากปริมาณการขนส่งทางอากาศในสนามบินดอนเมืองยังไม่กลับมาในระดับปกติ ทั้งนี้ หากกำไรปกติใน 2Q65 ใกล้เคียงกับที่คาดจะทำให้กำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 48% เมื่อเทียบกับประมาณการณ์ปี 2565 ใหม่ของเรา

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 18.20 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 18.20 บาท/หุ้น (อิง Dilution III-W1 ที่ 50% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด) และอิง PER2565 ที่ 25.4x เทียบเท่า +1.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้มีการยื่น Filing เพื่อ Spin-Off บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่ลแนล (ANI) ไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ใน 4Q65 ถึงต้นปี 2566 โดยดีลดังกล่าวจะส่งผลให้ฐานกำไรของ ANI เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ (เนื่องจากเป็นการระดมเงินไปซื้อหุ้น 80% ที่เหลือของบริษัท Asia GSA (M))

 

- Advertisement -