บล.เอเซีย พลัส:

กําไร 2Q65 โดดเด่นขึ้นทํา NEW HIGH

SMT รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 71 ล้านบาท ตามคาด ขึ้นทำจุดสูงสุดรายไตรมาส เพิ่มขึ้นถึง 25% qoq และ 28% yoy จากยอดขายในกลุ่ม PCBA และ IC packaging เพิ่มขึ้น โดยส่งมอบสินค้าได้มากขึ้นหลังปัญหาชีพขาดแคลนทยอยดีขึ้นกว่างวดก่อน อีกทั้ง Gross margin เติบโต หนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ารวมถึงการ ผลิตแบบประหยัดต่อขนาด และสัดส่วน SG&A/Sales ที่ลดลง

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 33% yoy ขึ้นทำจุดสูงสุดรายปี จากแนวโน้มยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% yoy จากการขยายฐานลูกค้าไปทวีปยุโรปและเอเชียมากขึ้น เบื้องต้นคาดกำไรงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่อง และขึ้นทำ New high ต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 34% ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชิพขาดแคลนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาก จนมี Valuation น่าสนใจ มี PER 18 เท่า คงคำแนะนำซื้อ

กำไร 2Q65 ขึ้นทำ NEW HIGH…หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นสูงขึ้น

SMT รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 71 ล้านบาท ตามคาด ขึ้นทำจุดสูงสุดรายไตรมาส เพิ่มขึ้นถึง 24.9% qoq และ 27.7% yoy โดยมีบันทึกขาดทุนจาก Fx เข้ามา 5 แสนบาท ขณะที่กำไรปกติงวด 2Q65 เท่ากับ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 38.9% qoq และ 31.2% yoy หลักๆ มาจาก

1) รายได้รวมงวด 2Q65 เพิ่มขึ้น 15.7% qoq และ 12.7% yoy 684 ล้านบาท จากยอดขายชิ้นส่วนฯ ในกลุ่มแผงวงจร PCBA และ IC packaging ที่เพิ่มขึ้น จากการส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น เพราะปัญหาชิพ IC ที่ขาดแคลนทยอยดีขึ้น

2) Gross margin ในงวด 2Q65 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 22.4% จาก 20.7% ในงวด 1Q65 ตามรายได้ที่สูงขึ้น ทำให้เกิด Economies of scales อีกทั้ง ผลบวกจากค่าเงินบาทเฉลี่ยงวด 2Q65 ที่อ่อนค่าลง 4.0% qoq และ 13.5% yoy มาอยู่ที่ 34.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

และ 3) สัดส่วน SG&A/Sales งวด 2Q65 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 10.7% จาก 11.9% จากสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มากขึ้น

โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิงวด 1H65 เท่ากับ 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 19.6% yoy คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ขณะที่กำไรปกติงวด 1H65 เท่ากับ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 23.7% yoy คิดเป็น 44% ของประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

ความเสี่ยงต่างๆ เริ่มคลี่คลายแนวโน้ม 2H65 กำไรโตต่อเนื่อง

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 32.8% yoy สู่ระดับ 279 ล้านบาท จากแนวโน้มรายได้รวม 2565 เติบโต 37.6% yoy สู่ระดับ 3.0 พันล้านบาท จากแนวโน้มความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เติบโตต่อเนื่อง และปัญหาเรื่องวัตถุดิบขาดแคลนเริ่มทยอยดีขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มรายได้รวมงวด 3Q-4Q65 จะอยู่ที่ราว 850 ล้านบาท/ไตรมาส เติบโตถึง 23% qoq ตามช่วง High season โดยลูกค้าเริ่มทยอย Ramp up order เข้ามาแล้ว รวมถึงการขยายฐานไปยังยุโรปและเอเซียมากขึ้น นอกจากนี้ยัง นี้ยังมีผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องในงวด 3Q65 ส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q65 จะขึ้นทำ New high รายไตรมาส เติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY

FV ปี 2565 เท่ากับ 6.50 บาทแนะนําซื้อ

กําหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 6.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 15.8%) ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 34% ตั้งแต่ต้นปี 2565 สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชีพขาดแคลนไปมากแล้ว ขณะที่ฝ่ายวิจัยยังประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิของ SMT จะต่อเนื่องใน 2H65 และมี Valuation น่าสนใจที่ PER 18 เท่า คงคำแนะนำซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1.ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ SMT

2.เศรษฐกิจชะลอตัว หากเศรษฐกิจชะลอตัว จะกดดันคำสั่งซื้อของลูกค้าให้ลดลง และจะกดดันรายได้รวมและกำไรสุทธิของ SMT

SMT แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.98

ราคาเป้าหมาย (บาท) 6.50

Upside (%) 34.3

Dividend yield (%) 2.2

- Advertisement -