บล.พาย:

TU บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป “2Q22 กำไรดีกว่าคาด”

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 22 ได้ที่ 22.7 บาท (16XPER’22E) ปรับเพิ่มจากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 20.4 บาท เนื่องจากผลประกอบการงวด 2Q22 ออกมามีกำไรสุทธิที่ 1,624 ลบ. แต่ถ้าไม่รวม รายการพิเศษกำไรปกติจะอยู่ที่ 1,790 ลบ. (-23%YoY, +3%QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้ 11% และแนวโน้มในช่วง 2H22 คาดว่าจะเห็นการปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังรับรู้ผลดีจากการปรับราคาใหม่ รวมถึงต้นทุนการขนส่งเริ่มปรับตัวลดลง เราจึงปรับประมาณการกำไรทั้งปีขึ้น 13% มาอยู่ที่ 7,133 ลบ. (-11%YoY)

รายได้ยังเติบโตดีโดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง

  • TU รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q22 ที่ 1,624 ลบ. (-31%YoY, -7%QoQ) แต่มีรายการพิเศษหลัก 3 รายการได้แก่ 1.ผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมในหุ้นบุริมสิทธิของ Red Lobster 564 ลบ. 2.ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างโรงงานรูเก้น ฟิช 274 ลบ. และ 3.กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 475 ลบ. ถ้าไม่รวมกำไรปกติจะอยู่ที่ 1,790 ลบ. (-23%YoY, +3%QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้ 11%
  • รายได้ยังเติบโตดีมาอยู่ที่ 38,946 ลบ. (+9%YoY, +7%QoQ) ขยายตัวดีในกลุ่มอาหารแปรรูป (Ambient) อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Pet Care & Value added) ส่วนอาหารแช่แข็งปรับลดลงจากปีก่อน เนื่องจากฐานที่สูง
  • กำไรขั้นต้นที่ 16.9% ลดลงจาก 19% ใน 2Q21 เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแม้จะปรับราคาได้บางส่วนก็ตาม และ 17.5% ใน 1Q22 แต่ถ้าไม่รวมผลจากการบันทึกค่าใช้จ่ายของรูเก้น ฟิช กำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 17.4%
  • ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 4,920 ลบ. (+15%YoY, +5%QoQ) สาเหตุหลักยังมาจากค่าขนส่งที่สูงถึง 560 ลบ. เพิ่มจาก 200 ลบ. ใน 2Q21 แต่ลดลงจาก 710 ลบ. ใน 1Q22
  • ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ 283 ลบ. ขาดทุนเพิ่มจาก 74 ลบ. ใน 2Q21 และ 177 ลบ. ใน 1Q22
  • ทั้งนี้ด้วยผลขาดทุนใน Red Lobster ที่สูงและค่าใช้จ่ายพิเศษข้างต้นทำให้ TU มีการบันทึกรายได้ภาษีเข้ามา 346 ลบ. เพิ่มขึ้นจาก 188 ลบ. ใน 1Q22 และพลิกจากที่จ่ายภาษี 231 ลบ. ใน 2Q22

กำไรดีเกินคาด ปรับกำไรขึ้นจากเดิม 13% 

• ด้วยกำไรที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้เราปรับเป้าทั้งปีขึ้นจากเดิม 13% มาอยู่ที่ 7,133 ลบ. (-11%YoY) โดยปรับเพิ่มรายได้เป็น 156,193 ลบ. (+11%YoY) จากเดิม 151,709 ลบ. และกำไรขั้นต้นเป็น 17.9% จาก 17.7% และทำให้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

แนวโน้ม 2H22 มีลุ้นดีกว่า 1H22

  • จากผลประกอบการงวด 2Q22 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 คาดว่าผลประกอบการจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นจากการปรับราคาที่จะเห็นมากขึ้น การปรับลดรายการส่งเสริมการขาย ที่จะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายบางที่เริ่มเห็นการปรับตัวลดลงบ้างแล้วอย่างเช่นค่าขนส่ง เป็นต้น
  • ราคาปลาทูน่าเดือน ก.ค. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,600 เหรียญฯ/ตัน จาก 1,425 เหรียญฯ/ตัน ในเดือน มิ.ย. เป็นไปตามที่ผู้บริหารคาดไว้ โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยในช่วง 3Q22 จะเพิ่มขึ้นจาก 2Q22 ที่อยู่ที่ 1,608 เหรียญฯ/ตัน
  • Red Lobster คาดทั้งปียังขาดทุนหนัก จากผลกระทบของปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ทำให้จำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลง ส่วนผลกระทบจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในหุ้นบุริมสิทธินั้นนอกจากที่จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามาในช่วง 2Q22 กว่า 500 ลบ. ยังจะทำให้รายได้อื่นที่เคยรับรู้ไตรมาสละ 300 ลบ. จะไม่มีเข้ามาแล้วในช่วงที่เหลือของปี ส่วนปี 23 ต้องติดตามทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯว่าจะมากน้อยเพียงใด โดยเบื้องต้นเรายังไม่มีการบันทึกแต่อย่างใด
  • TU ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.40 บาท/หุ้น XD 22 ส.ค. และจ่าย 5 ก.ย.

Revenue breakdown

โครงสร้างรายได้ของ TU แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ 1.อาหารทะเลแปรรูปเช่นปลาทูน่ากระป๋อง (Ambient Seafoods) และ 2.อาหารทะเลแช่แข็งเช่นกุ้งแช่แข็ง (Frozen Seafoods) และ 3. อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และอื่นๆ ขณะที่แหล่งที่มารายได้มาจากต่างประเทศเป็นหลักกว่า 89% โดยส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ตามมาด้วยยุโรป และญี่ปุ่น

- Advertisement -