บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นขยายตัว แต่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยการขยายตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภท เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กำไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น ฤดูการขับขี่ในฤดูร้อนในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว เราเห็นโอกาสการเข้าซื้อเก็งกำไร SPRC เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการผลิตก๊าซโซลีนมากที่สุดในบรรดาโรงกลั่นไทย อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ นอกจากนั้นความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัฐบาลในการลดค่าการกลั่นของโรงกลั่นของไทย อาจกดดันหุ้นโรงกลั่นไทยในระยะสั้น

ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาปิโตรเคมีและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องซึ่งถูกกดดันโดยต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง, อุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัว, และอุปทานที่มีจำนวนมาก ทั้งนี้เรายังคงชอบ IVL มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกำไรหลักปี 2022 รวมทั้งมีอัพไซด์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 2.48 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 6.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภท อุปสงค์ในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้นและการส่งออกจากประเทศจีนที่ลดลงส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 0.82 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 13.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้อุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง และคาดการณ์อุปทานดึงตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนในเอเชีย ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลให้ปรับตัวขึ้น 0.07 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 27.13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 1.99 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 29.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ TOP มากที่สุด) นอกจากนี้ต้นทุน น้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกํามะถันในระดับสูงปรับตัวขึ้น 6.66 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -18.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ยังคงแย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติด ลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวลดลงและแรงซื้อในเอเชียที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ราคาเอธิลีนปรับตัวลง 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 855 เหรียญ สหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่คาดการณ์อุปทานที่อาจดึงตัวหนุนให้ราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 15 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 900 เหรียญ สหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลง 23 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 709 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 3 เหรียญ สหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 147 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 38 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 192 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงกอปรกับอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคา HDPE และ PP ปรับตัวลง 30 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,060 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 30 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,010 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามล่าดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลดลงช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ จึงส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 7 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 352 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP เทียบกับแนฟทาปรับตัวลดลง 7 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 302 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มาก ที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง แต่ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง, อุปทานที่มีจำนวนมาก, และราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวลง 35 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 520 เหรียญสหรัฐ/ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวลดลงช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 22 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ในแดนลบที่ -19 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้นหนุนให้ราคา PVC ทรงตัว WoW อยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 573 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 3/65

อุปสงค์ในวงกว้างสำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทานการปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จํากัดอุปทาน YoY อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปทานที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มกดดันค่าการกลั่น QoQ ในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบ (crude premium) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ) ในไตรมาส 3/65 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลงลง QoQ ในไตรมาส 3/65

หากการเริ่มดาเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผนหรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานดึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65

การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะหนุนอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในวงกว้างให้แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล (โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์) โดยปกติจะเริ่มในไตรมาสที่สองและสิ้นสุดใน เดือน ส.ค. นอกจากนี้ โดยปกติแล้วไตรมาสที่สามจะเป็นช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ด้านอุปทานกําลังการผลิตใหม่ที่เริ่มดำาเนินงานในระหว่างไตรมาสและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -