บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Thanapiriya PCL (TNP.BK/TNP TB)
ผลประกอบการ 2Q65: กำไรต่ำกว่าที่เราคาดไว้
Event
ผลประกอบการ 2Q65, ปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย
Impact
ผลประกอบการ 2Q65: กำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ
กำไรสุทธิของ TNP ใน 2Q65 อยู่ที่ 34 ล้านบาท (24% YoY, -6% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 10% เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าที่คาดไว้ ทำให้กำไรสุทธิใน 1H65 อยู่ที่ 69 ล้านบาท (-31% YoY) โดยยอดขายใน 2Q65 อยู่ที่ 579 ล้านบาท (-4% YoY, -2% QoQ) ในขณะที่ SSSG ใน 2Q65 อยู่ที่ -12.3% (จาก 8.2% ใน 2Q64 และ 27.7% ใน 1Q65) ทำให้ SSSG ในงวด 1H65 อยู่ที่ประมาณ 20% (เทียบสมมติฐานปีนี้ของเราที่ -6%) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q65 อยู่ที่ 17.4% (-0.5ppts YoY, +0.3ppts QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 1H65 อยู่ที่ 17.2% (+0.3ppts YoY) ต่ำกว่าสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 17.4% อยู่เล็กน้อย ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ใน 2Q65 อยู่ที่ 61 ล้านบาท (+7% YoY, +4% QoQ) ทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 10.6% (เพิ่มขึ้นจาก 9.5% ใน 2Q64 และ 10.1% ใน 1Q65) ซึ่งค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการขยายสาขาร้าน (ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน และค่าสาธารณูปโภค โดยจํานวนร้านเพิ่มขึ้นเป็น 39 ร้าน ใน 2Q65 จาก 34 ร้านใน 2Q64)
อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
คณะกรรมการของ TNP อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.035 บาท/หุ้น (สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 มกราคม 2565 – 30 มิถุนายน 2565) กำหนดขึ้น XD วันที่ 22 สิงหาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 กันยายน 2565 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 0.9%
คาดว่ากําไรจะดีขึ้นใน 2H65
เราคาดว่าผลประกอบการของ TNP จะฟื้นตัวขึ้นใน 2H65 เนื่องจาก i) ฐานที่ต่ำลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใน 2H64 (~1.40 แสนล้านบาท จาก 4 แสนล้านบาทใน 1H64) ii) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (คนละครึ่งเฟส 5 มูลค่ารวม 21.2 ล้านบาท (800 บาท/คน สำหรับผู้มีสิทธิ์ 26.5 ล้านคน โดยกําหนดเพดานการใช้จ่ายที่ 150 บาท/วัน สำหรับช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2565) และ iii) การขยายสาขาร้าน ทั้งนี้ ผลประกอบการของ TNP ที่อ่อนแอเกินคาดใน 1H65 (คิดเป็น 36% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา) เราจึงปรับสมมติฐาน และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ 2565-2566 -16% ซึ่งทำให้กำไรปีนี้หดตัว 16% YoY แต่จะเพิ่มขึ้น 20% ในปี 2566 เรา de-rate PER ลงจากเดิมที่ 24.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ TNP) เหลือ 20.0X (-1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงกำไรที่คาดว่าจะหดตัวลงในปี 2565 ในขณะที่เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 เพื่อสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไร
Valuation & action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท จากเดิมที่ 5.80 บาท อิงจาก PER ที่ 20.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D.) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2H65 และในปี 2566 ในขณะที่ราคาหุ้นยังมี upside อีก 25% เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TNP
Risks
ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จาก เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ