เงินบาทแข็งค่ากว่าค่าเงินในภูมิภาค

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสม ดาวโจนส์บวก แต่เอสแอนด์พี500 และแนสแดกปิดลบ กังวลเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 0.09%, -0.10, -0.12%
  • ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใส หุ้นการเงินและรถยนต์ที่นำตลาดขึ้น ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.84%, 0.57%, 0.80%, 0.62%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ปิดที่ 90.76 ดอลลาร์บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐฯ
  • ตลาดหุ้นไทย วานนี้ปรับขึ้นสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ในช่วงต้นมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น โรงไฟฟ้าจากความไม่ชัดเจนในการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือนก.ย. ธ.ค. 65 มีกระแสข่าวว่าภาครัฐเลื่อนการประกาศดังกล่าว เพื่อหามาตรการเยียวยาผู้ที่มีรายได้น้อยก่อนการปรับขึ้นค่า Ft งวดใหม่ และคาดว่าค่า Ft ที่จะปรับขึ้นน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางดัชนีหุ้น Nasdaq ที่ปรับตัวลง (DELTA ที่ถ่วงดัชนีลงราว 3 จุด) จากความกังวลเฟดอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย. (20-21) หลังตัวเลขการจ้าง งานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดถึงเกือบ 2 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม วันพุธนี้จะมีรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนก.ค. ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นราว 8.7% ชะลอตัวลงจากระดับ 9.1% ในเดือนมิ.ย. เรามองเฟดจะได้รับข้อมูลเงินเฟ้อใน เดือนก.ค. และส.ค. ก่อนที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. นี้ เรามองว่าถ้าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัญญาณปรับตัวลง คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนคลายกังวลในประเด็นเฟดอาจจะไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
  • ส่วนการประชุมกนง. ในวันพุธนี้คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หนุนให้มีแรงซื้อในกลุ่มธนาคาร เรามองแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อของไทยเริ่มลดลงจากราคาพลังงาน ราคาปุ๋ย ราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของภาคการเกษตรลดลงตาม กอปรกับค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นจากระดับ 36.90 บาท/ดอลลาร์มาที่ระดับ 35.50 บาท/ ดอลลาร์ แรงหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พุ่งขึ้น 1 ล้านคนในเดือนก.ค. หลังมี การยกเลิกไทยแลนด์พาส หนุนดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้ขาดดุลลดลง และคาดว่าจะกลับมาเป็นบวกในช่วงกลางปีหน้า ทำให้สำนักวิจัยหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ขึ้นเป็นขยายตัวในกรอบ 3.1-3.7% และปีหน้าคาดว่าจะ ขยายตัวราว 4.5-5% เราคาดว่าหลังเสร็จสิ้นการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/65 มีแนวโน้มที่จะตลาดจะปรับขึ้นคาดการณ์ EPS Growth ในปีนี้และปีหน้า หนุนให้ SET ฟื้นตัวดีในช่วงไตรมาส 3-4 ในปีนี้ เราคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยในช่วงสิ้นปีนี้มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท และปีหน้าคาดว่า flow จะไหลเข้ามาอีกราว 1.4 แสนล้านบาท ทำให้นักลงทุนซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยติดต่อกัน 2 ปี
  • แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่ง แต่มีลุ้นปรับขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าดีกว่าภูมิภาค เป็นลบต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และส่งออก แต่เป็นบวกต่อกลุ่มที่เป้าหมายของ flow จากต่างชาติ เช่น ธนาคาร โรงไฟฟ้า ค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC) CRC, CPN

กลยุทธ์การลงทุน

Trading: ปิดเหนือระดับ 1,580 จุด แนะนำ “เก็งกำไรได้”

- Advertisement -