บล.บัวหลวง:
Thai Oil (TOP TB/TOP.BK)
TOP – กำไรไตรมาส 2/65 สูงกว่าคาด; แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง YoY
กําไรสุทธิสูงกว่าคาด แต่กำไรหลักเป็นไปตามคาด
TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 25,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เท่า YoY และ 253% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 16,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15 เท่า YoY และ 392% QoQ ในขณะที่กำไรหลัก เป็นไปตามที่เราคาด กำไรสุทธิสูงกว่าเราคาด 12% (สูงกว่าที่คลาดคาด 20%) เนื่องจากกำไรพิเศษมากกว่าคาด
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักที่ปรับตัวดีขึ้นมีปัจจัยหนุนจาก 1) อัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ, 2) ค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ที่ปรับตัวสูงขึ้น YoY และ QoQ, 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง YoY —สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลงมาอยู่ที่ 0.6% จาก 0.9% ในไตรมาส 2/64, 4) อัตราภาษีจ่ายที่ลดลง, และ 5) กําไรจากการขายหุ้น GPSC จํานวนมาก อัตราการใช้กำลังการกลั่นของ TOP ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 112% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 98% ในไตรมาส 2/64 และ 109% ในไตรมาส 1/65 (อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์อยู่ที่ 77% ลดลงจาก 89% ในไตรมาส 2/64 แต่เพิ่มขึ้นจาก 73% ในโตรมาส 1/65 (optimization) ในส่วนของอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นอยู่ที่ 90% ปรับตัวลงจาก 95% ในไตรมาส 2/64 (optimization) แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 89% ในไตรมาส 1/65 ค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) อยู่ที่ 25.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับจาก 5.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2/64 และ 7.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/65 (ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ และส่วนต่างราคานํ้ามันหล่อลื่นที่สูงขึ้น QoQ)
แนวโน้ม
อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์น้ำมันเร็จรูปจะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทาน การปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันอยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยจํากัดอุปทาน YoY อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทาน ซึ่งมีจํานวนมากมีแนวโน้มที่จะกดดันค่าการกลั่น QoQ ในไตรมาสนี้ เราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัว YoY แต่ปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 3/65 ส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ (เทียบกับ ULG95) มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ในขณะที่ส่วนต่างราคานํ้ามันหล่อลื่นคาดว่าจะลดลง YoY (ทรง QoQ)
จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ไตรมาส 3/65 ของ TOP จะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ อัตราการใช้กำลังการกลั่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัว QoQ) ในขณะที่อัตราการใช้กำลัง การผลิตของโรงงานอะโรเมติก มีแนวโน้มลดลง YoY (ปรับตัวดีขึ้น QoQ) และอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นคาดว่าจะทรงตัว YoY และ QoQ ดังนั้นกําไรหลักไตรมาส 3/65 ของ TOP คาดว่าจะขยายตัว YoY แต่อ่อนตัว QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
กําไรหลัก 6 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 61% ของประมาณการกำไรหลักปี 2565 ของเราที่ 32,146 ล้านบาท เรายังคงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการของเราหากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสูงกว่าคาด
คำแนะนำ
แนวโน้มตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ TOP ในปีนี้ นอกจากนั้นคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลัก YoY ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจโดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2565 ที่เพียง 0.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ