บล.บัวหลวง:

Global Green Chemicals (GGC TB/GGC.BK)

GGC – กำไรไตรมาส 2/65 เป็นไปตามคาด; แนวโน้มกำไรลดลง QoQ

เป็นไปตามคาด

GGC รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 422 ล้านบาท เติบโต 430% YoY แต่ลดลง 13% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 133 ล้านบาท, ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 97 ล้านบาท, กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 68 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 584 ล้านบาท เติบโต 480% YoY และ 166% QoQ ซึ่งผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด GGC ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งแรกของปี 2565 ที่ 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้น ที่ 1.7% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 6 ก.ย.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่หนุนให้กําไรหลักเติบโต ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจเมทิลเอสเตอร์ (ME; B100) ที่เพิ่มขึ้น YoY, 2) กำไรจากธุรกิจ Fatty Alcohols (FA) ที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ, และ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 2.9% ลดลง จาก 4.2% ในไตรมาส 2/64

EBITDA margin สําหรับธุรกิจ ME อยู่ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นจาก 2.6% ในไตรมาส 2/64 (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ME ที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลงจาก 7.4% ในไตรมาส 1/65 (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ME ที่ลดลง) ในขณะที่ปริมาณ ขาย B100 อยู่ที่ 69,565 ตัน ลดลง 9% YoY และ 6% QoQ (เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับสัดส่วนการผสม B100 ในผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล) ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ FA อยู่ที่ 580 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 112% YoY และ 142% QoQ (ราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ CPKO ปรับตัวลดลงอย่างมาก) โดยปริมาณขายของธุรกิจ FA อยู่ที่ 24,653 ตัน ลดลง 3% YoY แต่เพิ่มขึ้น 4% QoQ

แนวโน้ม

กําไรหลักของ GGC ในไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น YoY หนุนจากกําไรจากธุรกิจ FA ที่เพิ่มขึ้น แต่กําไรหลักมีแนวโน้มจะลดลง QoQ เนื่องจากทําไรจากทั้งธุรกิจ ME และ ธุรกิจ FA ที่ลดลง ปริมาณขาย B100 ในไตรมาส 3/65 คาดจะปรับตัวลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลในเรื่องสัดส่วนการผสม B100 ในผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (จาก B10 ในไตรมาส 2/64 เป็น B5 ณ ปัจจุบัน) การแข่งขันที่สูง, และช่วงโลว์ซีซั่น โดยเราคาดว่าอัตรากาไรของธุรกิจ ME มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลง YoY และ QoQ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง สําหรับธุรกิจ FA ปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (จากการไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานและช่วงไฮซีซั่น) อัตรากำไรของธุรกิจ FA คาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ทั้งนี้ราคากลีเซอรีน (ผลิตภัณฑ์ พลอยได้) ที่สูงขึ้น YoY จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนการเติบโตของกําไรหลัก YoY

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 79% มาอยู่ที่ 1,061 ล้านบาท เพื่อสะท้อน: 1) สมมติฐานส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ธุรกิจ FA ที่เพิ่มขึ้น (มาอยู่ที่ 352 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จาก 194 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) และ 2) กำไรพิเศษที่บันทึกในครึ่งแรกของปี 2565 นอกจากนี้เรายังปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่ได้มาจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) มาอยู่ที่ 13.50 บาท (จาก 13 บาท) (WACC ที่ 9.1% terminal growth ที่ 2.0%)

คําแนะนำ

คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 3/65 ที่ลดลง QoQ และโอกาสในการเกิดผลขาดทุนจากสินค้าคงคลัง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงน่าจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไป

 

- Advertisement -