บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

BCPG Pcl. (BCPG.BK/BCPG TB)*

ผลประกอบการ 2Q65: ไม่มีโครงการพลังความร้อนใต้พิภพแล้ว

Event

ผลประกอบการ 2Q65, conference call และมุมมองของเรา

Impact

ผลประกอบการ 2Q65 เป็นไปตามคาด

กำไรสุทธิ 2Q65 ลดเหลือ 330 ล้านบาท (-76% QoQ, -42% YoY) เพราะไม่มีกำไรจากการขายโครงการ หากตัดรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นเป็น 549 ล้านบาท (+6% QoQ, +9% YoY) เนื่องจากผลการดำเนินงานดีขึ้นจากการที่ไม่มีโครงการพลังความร้อนใต้พิภพแล้ว โดยกำไรจากธุรกิจหลักในงวด 1H65 คิดเป็น 57% ของประมาณการกำไรปี 2565F ของเรา

รายได้เพิ่มขึ้นแม้จะไม่มีโครงการพลังความร้อนใต้พิภพแล้ว

รายได้เพิ่มขึ้น 24% QoQ จาก i) high season โรงไฟฟ้า solar ไทย และญี่ปุ่น ii) รายได้โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล iii) เริ่มรับรู้รายได้จาก solar ญี่ปุ่น ได้แก่ Komagane (ตั้งแต่ 29 มี.ค.) และ Yabuki (ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.) ขณะที่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 27% QoQ จาก GPM ที่เพิ่มเป็น 65% (จาก 63.7% ใน 1Q65) เพราะ margin ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำดีขึ้น (Nam San 3A & 3B) ส่วน SG&A ปกติขยับเพิ่มขึ้น QoQ เล็กน้อย ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปกติขยับ 3% QoQ จากต้นทุนของภาระหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.4% (จาก 2.8% ใน 1Q65) ตามการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เพราะมีหนี้บางส่วนผูกกับ LIBOR แม้จะมีการชำระคืนหนี้ใน 2Q65 ก็ตาม ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้ที่มีดอกเบี้ยลอยตัวเหลือ 47% (จาก 52% ใน 1Q65)

ประมาณการ 3Q65F อย่างคร่าวๆ กำไรจะสูงสุดในรอบปี 2565F (+QoQ, -YoY)

เราคาดว่ากำไรหลัก 3Q65F จะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลงมาก YoY จาก i) ช่วง peak ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ii) high season โรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย iii) ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มเป็น 0.4766 บาท/kWh (+0.3068) และ iv) รังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์สูงขึ้นที่ solar ในญี่ปุ่น แม้จะเป็นช่วง low season ของ solar ในไทย อีกทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย เราคาดว่าบริษัทอาจมีกำไรจาก Fx

เป้าล่าสุดของบริษัทจาก conference call

BCPG คาดจะมีการเลื่อนซื้อโครงการในปี 2565 ออกไป โดยกำลังพยายามจะซื้อโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ด้วยงบ 1.3 หมื่นลบ.ใน 4Q65 จากเป้า 3.0-4.0 หมื่นลบ. ซึ่งจัดสรรงบ capex ไปแล้ว 9 พันลบ. สำหรับโครงการที่อยู่ใน pipeline อยู่แล้ว และอีก 8 พันลบ.จะลงทุนในโครงการ greenfield ทั้งนี้ เราประเมินแบบอนุรักษ์นิยมว่าจะมีการเลื่อนแผนซื้อกิจการออกไป และ BCPG อาจไม่สามารถซื้อกิจการได้ตามเป้าที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ เพราะภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยการประชุมนักวิเคราะห์ 2Q65 (18 ส.ค.) ผู้บริหารอาจให้ข้อมูล Solar ในไต้หวัน (469MW) ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของ BCPG ตอนนี้

Valuation & Action

เรายังแนะนำถือ BCPG และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2566 ที่ 11.60 บาท จากเดิมที่ 12.70 บาท  โดยเราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นเพื่อสะท้อนถึงค่า Ft ที่สูงขึ้น และ JPY/THB ที่เปลี่ยนแปลงไป เรายังไม่เห็นปัจจัยที่จะมาช่วยกระตุ้นราคาหุ้นได้ในตอนนี้ ขณะที่ BCPG ถูกกระทบจากความเสี่ยงที่ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น, ราคา solar PV module ที่สูงขึ้น และการตั้งสำรอง เราคิดว่าความท้าทายที่สำคัญของบริษัทต้องลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างการเติบโต ท่ามกลางผลกระทบจาก adder จะหมดอายุลง

Risks

การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -