บล.เอเซีย พลัส:

กำไรปกติ 2Q65 พื้นเล็กน้อยซื้อเมื่ออ่อนตัว

กำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 572 ล้านบาท (ต่ำกว่าตลาดคาด 20%) ลดลง 3% qoq และ 7% yoy โดย KCE บันทึกขาดทุนพิเศษสุทธิเข้ามา 30 ล้านบาท ในขณะที่กำไรปกติเท่ากับ 610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% qoq และ 9% yoy หลักๆ มาจากรายได้รวมงวด 2Q65 เติบโตต่อเนื่อง และการควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ได้ดีขึ้น ขณะที่ Gross margin 2Q65 ทรงตัวจากงวดก่อน จากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นหักล้างผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไปได้ทั้งหมด

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 8% yoy จากแนวโน้มยอดขายเพิ่มขึ้น 23% yoy เบื้องต้นคาดกำไรปกติงวด 3Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากช่วง High season และทิศทางเงินบาทอ่อนค่า กำหนด FV ปี 2565-66 เท่ากับ 65 บาท และ 78 บาท KCE ประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวด 1H65 ที่ 1.0 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div yield 1.6% (XD วันที่ 22 ส.ค. 65) ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จำกัด จึงแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว โดยให้น้ำหนักกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป

แม้กำไรสุทธิ 2Q65 ลดลงแต่กำไรปกติเติบโต 8% QoQ

กำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 572 ล้านบาท (ต่ำกว่าตลาดคาด 20%) ลดลง 3.0% qoq และ 7.4% yoy โดย KCE บันทึกขาดทุนพิเศษเข้ามา 30 ล้านบาทในงวด 2Q65 (งวด 1Q65 บันทึกกำไรพิเศษเข้ามา 32 ล้านบาท) แบ่งเป็นกำไรจาก FX เข้ามาจำนวน 10 ล้านบาท และผลขาดทุนตามราคาตลาดจากการลงทุน 39 ล้านบาท

หากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรปกติงวด 2Q65 เท่ากับ 610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% qoq และ 9.2% yoy หลักๆ มาจาก

1) รายได้รวมงวด 2Q65 ปรับเพิ่มขึ้น 3.0% qoq และ 32.0% yoy มาที่ 4.7 พันล้านบาท ขึ้นทำ New high ต่อเนื่อง ผลบวกจากทิศทางเงินบาทอ่อนค่าลง 4.2% qoq และ 12.6% yoy มาที่ 34.27 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่รายได้ในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 1.2% qoq (แต่เพิ่มขึ้น 20.2% yoy) เนื่องจากลูกค้ายุโรปมีชะลอคำสั่งซื้อบ้าง จากความกังวลสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับในงวด 2Q65 มีวันหยุดยาว ทำให้จำนวนวันในการผลิตสินค้าลดลง อีกทั้ง ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนยังไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ กำลังการผลิตจากเครื่องจักรใหม่ที่โรงงานลาดกระบังและอยุธยา (กำลังการผลิต 6 แสนตารางฟุต/เดือน หรือราว 20% ของกำลังการผลิตของ KCE) ได้กลับมาเดินเครื่องได้ 80-90% แล้วในงวด 2Q65 (เดินเครื่องไม่เต็มที่และมีปัญหาด้านการผลิตของเสียในงวด 1Q65)

และ 2) สัดส่วน SG&A/Sales งวด 2Q65 ปรับตัวลดลงมาที่ 10.5% จาก 12.0% ในงวดก่อน จากการเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายบริหารต่อเนื่อง

ในขณะที่ Gross margin ในงวด 2Q65 ทรงตัวจากงวดก่อนที่ 22.8% โดยราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อาทิ ทองแดง วัสดุสิ้นเปลือง น้ำยาเคมี รวมถึงค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายโสหุ้ย (Overhead) ที่เพิ่มขึ้น หักล้างผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าไปได้ทั้งหมด

โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิงวด 1H65 เท่ากับ 1.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% yoy คิดเป็นสัดส่วนถึง 44% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ขณะที่กำไรปกติงวด 1H65 เท่ากับ 1.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% yoy คิดเป็นสัดส่วนถึง 45% ของประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

ทิศทางธุรกิจจะฟื้นตัวในงวด 2H65

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 7.9% yoy สู่ระดับ 2.6 พันล้านบาท จากอุตสาหกรรมยานยนต์โลกเติบโตต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มรายได้รวมปี 2565 เติบโต 22.8% (สอดคล้องกับเป้าที่ผู้บริหารให้ไว้ว่าเติบโต 20.0% yoy โดยรายได้รวมงวด 1H65 ของ KCE เติบโต 32.4% yoy) ในขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโตต่ออีก 25.6% yoy ตามแนวโน้มรายได้รวมที่เติบโต 15.7% yoy

เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติ 3Q65 จะฟื้นตัว qoq และ yoy เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ อีกทั้ง Backlog รอการส่งมอบในปัจจุบันยังสูง หนุนแนวโน้มรายได้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ คาด gross margin จะฟื้นตัวจากทิศทางค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่า ประกอบกับกำลังการผลิตใหม่ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว หนุนให้เกิด Economies of scale อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัญหาชีพขาดแคลนและการขนส่งที่อาจจะฟื้นตัวล่าช้ากว่า 2H65 ที่คาดเดิม ซึ่งอาจส่งผลให้การส่งมอบสินค้าให้ล่าช้าตามไปด้วย

สำหรับแผนลงทุนโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เพิ่มกำลังการผลิตราว 2.1 ล้าน ตารางฟุตต่อเดือน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ โดยคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ใน 4Q65 ในปี 2565 KCE ตั้งงบลงทุน 1.0 พันล้านสำหรับแผนการสร้างโรงงานใหม่ที่โรจนะบางส่วนในปีนี้

ทิศทางก่าไร 3965 พื้นตัว..แนะนําซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

กำหนด FV ปี 2565-66 ที่ 65 บาท และ 78 บาท อิงวิธี DCF (WACC 11.6%) KCE ประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวด 1H65 ที่ 1.0 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Div yield 1.6% (XD วันที่ 22 ส.ค. 55) ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จำกัด จึงแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว โดยให้น้ำหนักกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป

ประเด็นความเสี่ยง

1.ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ KCE

2.เศรษฐกิจชะลอตัว หากเศรษฐกิจชะลอตัว จะกดดันคำสั่งซื้อของลูกค้าให้ลดลง และจะกดดันรายได้รวมและกำไรสุทธิของ KCE

KCE แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 62.50

ราคาเป้าหมาย (บาท) 65.00

Upside (%) 4.0

Dividend yield (%) 3.0

- Advertisement -