บล.เอเซีย พลัส:

2Q65 กำไรปกติลด QOQ…ช่วงสั้นลดเป็น SWITCH

BBGI รายงานผลประกอบการงวด 2Q65 เป็นขาดทุนสุทธิ 56.1 ล้านบาท จากที่เป็นกำไร 130.3 ล้านบาทในงวด 1Q65 กดดันจากการบันทึก NRV รวม 60.9 ล้านบาท ซึ่งหากตัดรายการดังกล่าวกำไรปกติอยู่ที่ 4.8 ล้านบาท ลดลง 96.3%qoq จากปริมาณขายเอทานอลและไบโอดีเซลที่ลดลง รวมถึงปิดซ่อมบำรุงโรงงานเอทานอล แนวโน้มกำไรปกติ 3Q65 ฟื้นตัว QoQ จากธุรกิจเอทานอลที่คาดจะกลับมาดีขึ้น

ปรับลดประมาณการกำไรปี 65-66 ลง ส่งผลให้ FV ใหม่อยู่ที่ 5.0 บาท/หุ้น (เดิม 11.6 บาท) ภายใต้ EPS ปี 2565 ใหม่ที่ 0.18 บาท/หุ้น (เดิม 0.42 บาท/หุ้น) และยังใช้ PER เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ BBGI เท่าเดิมที่ 27.5 เท่า ทั้งนี้มีการประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.05 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield ในช่วง 1H65 ที่ 0.7% ภายใต้ FV ใหม่ ราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานใหม่ จึงปรับลดคำแนะนำลงจาก “ซื้อ” เป็น “Switch” ไปยังกลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ GULF, GPSC ซึ่งเห็นการเติบโตในระยะยาวที่แข็งแกร่ง

2Q65 กำไรสุทธิพลิกกลับเป็นผลขาดทุน ขณะที่กำไรปกติลดมีนัยฯ QoQ

BBGI รายงานผลประกอบการงวด 2Q65 พลิกกลับเป็นขาดทุนสุทธิ 56.1 ล้านบาท จากที่บันทึกเป็นกำไร 130.3 ล้านบาท ในงวด 1Q65 กดดันหลักจากการบันทึกกค่าเผื่อมูลค่าของสินค้าคงเหลือ (NRV) สุทธิ 60.9 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจไบโอดีเซล 54 ล้านบาท และธุรกิจเอทานอล 6.9 ล้านบาท

ทั้งนี้หากตัดรายการดังกล่าวออกไป และพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติ พบว่ามีกำไรลดลง 96.3%qoq มาอยู่ที่ 4.8 ล้านบาท กดดันจากรายได้จากการขาย โดยรวมที่ปรับตัวลดลง 8.7qoq มาอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท โดยธุรกิจเอทานอลมีรายได้ลดลง 29.5%qoq มาอยู่ที่ 696.1 ล้านบาท จากปริมาณขายที่ลดลงตามแผนบริหารการขายของทางบริษัทฯ ที่ต้องการสต็อกเอทานอลไปขายในช่วง 2H65 เนื่องจากคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจเอทานอลจะสูงกว่างวดปัจจุบัน จากแนวโน้มราคาขายที่คาดปรับตัวสูงขึ้นจาก 2Q65 รวมถึงธุรกิจโบโอดีเซลมีรายได้ลดลง 1.3%qoq มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท จากปริมาณขายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (B100) ที่ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B5 ของทางภาครัฐเต็มไตรมาส ซึ่ง มาตรการดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ – 30 กันยายน 2565 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น 15.0%qoq มาอยู่ที่ 0.5 ล้านบาท จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอทานอลล้างมือเกรดเภสัชกรรม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากราคาต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนงานประจำปีของโรงงานเอทานอลที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี และที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ส่งผลให้กำไรขั้นต้น (ไม่รวมผลกระทบจาก NRV) ลดลง 69.4%qoq มาอยู่ที่ 97.9 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 188.1%qoq มาอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท จากผลประกอบการของ Win Ingredients ที่มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้เงินปันผลรับของ UBE (BBGI ถือหุ้น 12.4%) 11.6 ล้านบาท จากที่ไม่ได้บันทึกในงวดก่อนหน้า และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ปรับตัวลดลง 19.6%qoq มาอยู่ที่ 68.1 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีมีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการออกเสนอขายหุ้น IPO และการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งต้นทุนทางการเงินลดลง 9.0%qoq มาอยู่ที่ 24.1 ล้านบาท จากการทยอยชำระคืนเงินต้นของทางบริษัท

โดยรวมแล้วกำไรปกติงวด 1H65 คิดเป็น 22.2% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 เดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

ปรับลดประมาณการกำไรปี 65-66… 3Q65 คาดกําไรฟื้นตัว QoQ

ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณกำกำไรปกติปี 2565-66 ลง 56.9% และ 28.1% จากเดิมมาอยู่ ที่ 262.9 ล้านบาท และ 602.9 ล้านบาท เพื่อสะท้อน

1) ปริมาณขายเอทานอลและไบโอดีเซลที่คาดจะเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเติบโตน้อยกว่าคาด และการยืดระยะเวลามาตรการปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B5 ออกไปตั้งแต่ช่วง 5 กุมภาพันธ์ – 30 กันยายน 2565 จากเดิมที่มีถึง 30 มิ.ย. 65 อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะมีการต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไป เพื่อส่วนช่วยพยุงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยฝ่ายวิจัยปรับลดสมมติฐานปริมาณการจำหน่ายเอทานอล 2565-66 ลง 9.6% และ 10.0% จากเดิมมาอยู่ที่ 184.7 และ 225.0 ล้านลิตร ตามลำดับ รวมถึงปรับลดปริมาณจำหน่ายไบโอดีเซลลง 20.3% และ 21.6% จากเดิมมาอยู่ที่ 190.0 และ 228.0 ล้านลิตร ตามลำดับ

2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจเอทานอลและไบโอดีเซลในปี 2565 ที่น้อยกว่าคาด จากราคาต้นทุนวัตถุดิบมันสัมปะหลังและกากน้ำตาลสำหรับผลิตเอทานอลในช่วง 1H65 ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปีก่อน ตามความต้องการมันสำปะหลังในประเทศจีนเพื่อทดแทนข้าวโพดที่สูงขึ้น รวมถึงสต็อกผลผลิตอ้อยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งปริมาณการผลิตเอทานอลและไบโอดีเซลที่ลดลงตามความต้องการใช้ที่ลดลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจและมาตรการจากภาครัฐฯ โดยฝ่ายวิจัยปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเอทานอล และไบโอดีเซลในปี 2565 ลงมาอยู่ที่ 4.0% และ 6.1% จากเดิม 6.0% และ 8.7% ตามลำาดับ

3) ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (HVP) ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งยังมียอดขายต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยปรับลดรายได้ธุรกิจ HVP ปี 2565-66 ลงมาอยู่ที่ 57.1 และ 108.5 ล้านบาท จากเดิมที่ 204.1 และ 506.5 ล้านบาท ตามลำดับ

ภายใต้ประมาณการใหม่ส่งผลให้กำไรปกติปี 2565 ลดลง 42.1%yoy และคาดจะกลับมาฟื้นตัวใหม่อีกครั้งในปี 2566 ราว 129.3%yoy

โดยในช่วงสั้น 3Q65 คาดกำไรปกติจะฟื้นตัวขึ้น QoQ หนุนจากธุรกิจเอทานอลที่คาด ทั้งราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการเอทานอลในท้องตลาดที่เพิ่มขึ้น และปริมาณขายที่คาดจะเพิ่มขึ้นจากการเก็บสต็อกในช่วง 2Q65 ไว้จำหน่ายในช่วง 2H65 รวมถึงไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ประจำปีในโรงงานเอทานอล ดังที่เกิดขึ้นในงวดนี้  นอกจากนี้คาดยังมีแรงหนุนบางส่วนจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงคาดจะมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง QoQ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงกดดันจากธุรกิจไบโอดีเซล ที่คาดราคาขายจะปรับลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก หลังจากประเทศมาเลเซียมีการส่งออก supply สู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ปริมาณขายไบโอดีเซลคาดยังคงใกล้เคียงในระดับเดิม จากมาตรการการปรับลดสูตรผสม B7 มาเป็น B5 ต่อเนื่องไปจนถึง 30 กันยายน 65

มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 65 อยู่ที่ 5.0 บาท/หุ้น ปรับลดค่าแนะนําเป็น SWITCH

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ของ BBGI อยู่ที่ 5.0 บาท/หุ้น (เดิม 11.6) ภายใต้ EPS ปี 2565 ใหม่อยู่ที่ 0.18 บาท/หุ้น (เดิม 0.42) โดยยังใช้ PER เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ BBGI เท่าเดิมที่ 27.5 เท่า ทั้งนี้มีการประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล ที่ 0.05 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield 1H65 ที่ 0.7% ภายใต้ FV ใหม่ ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว ช่วงสั้นจึงปรับลดคำแนะนำลง จาก ซื้อ เป็น switch

ประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญ

1. ความเสี่ยงจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ รวมไปถึงราคาขายเอทานอล และไบโอดีเซล มีความผันผวนตามกลไกตลาดในแต่ละช่วง

2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ในการขายเอทานอล และไบโอดีเซล รวมไปถึงการจัดหากากน้ำตาลจากโรงงาน KSL

3. ความเสี่ยงจากการจัดหาสาธารณูปโภคที่อาจไม่เพียงพอ ด้านการขนส่งที่อาจเกิดอุบัติเหตุหรือผลกระทบต่อคุณภาพสินค้า

4. ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายสนับสนุนของทางภาครัฐ เช่น การปรับสัดส่วนโครงสร้างน้ำมันไบโอดีเซล เป็นต้น

BBGI แนะนํา SWITCH

ราคาปัจจุบัน (บาท) 7.55

ราคาเป้าหมาย (บาท) 5.00

Upside (%) -33.77

Dividend yield (%) 1.0

- Advertisement -