AMR ผนึก “ออโตเมชั่น แอนด์ เทคโนโลยี่ เซอร์วิส”
ร่วมลงทุนโปรเจคแปรรูปพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง
จัดทัพแบ่ง 4 สายธุรกิจชัดเจน-บุกด้านพลังงานสร้าง New S curve
AMR จรดปากกาเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับ “ออโตเมชั่น แอนด์ เทคโนโลยี่ เซอร์วิส” ศึกษาความเป็นไปได้ร่วมลงทุนโปรเจคแปรรูปพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง คาดได้ข้อสรุปภายใน 6เดือน “มารุต ศิริโก” เผยปีนี้แบ่งกระบวนทัพเป็น 4 สายงานชัดเจนและสอดคล้องกับกระแสธุรกิจในปัจจุบัน (1) งานให้บริการวางระบบแบบครบวงจร (2) งานให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบํารุง และให้บริการพร้อมซ่อมบํารุงและดูแลรักษาแบบเบ็ดเสร็จ (3) การจําหน่ายระบบและให้บริการแบบแบ่งรายได้ ด้านพลังงานสะอาดหมุนเวียน (4) การจําหน่ายระบบและให้บริการพร้อมซ่อมบํารุงแบบสัญญาระยะยาวด้านระบบอัจฉริยะ มั่นใจการรุกตลาดด้านพลังงานจะเป็น New S curve โดยสามารถสร้างโอกาสและมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายมารุต ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) ผู้นำด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชัน (System Integrator: SI) ครบวงจรรายแรกของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ออโตเมชั่น แอนด์ เทคโนโลยี่ เซอร์วิส จำกัด เพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้และพิจารณาแนวทางการร่วมทุนในธุรกิจโครงการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและเพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติก โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในระยะเวลา 6 เดือน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นรูปแบบธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ (100% Circular Economy) แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงเหลวด้วยเทคโนโลยี Pyrolysis โดยน้ำมันมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับดีเซล ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาปริมาณขยะพลาสติกที่นับวันจะมีมากขึ้น ตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573ในขณะเดียวกันก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันได้อีกด้วย
“ความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับหลักการ ESG for all ที่เป็นกลยุทธ์ที่ AMR กำลังผลักดันให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ New S curve ในอนาคตของบริษัทฯ”
สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิ 53.9 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจํานวน 790.1 ล้านบาท จําแนกเป็นรายได้จากงานโครงการและให้บริการ 762.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96.5 ของรายได้รวม และรายได้จากการขาย 27.8ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.5 ของรายได้รวม
เขากล่าวต่อว่าในปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับกระแสธุรกิจในปัจจุบันยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ (1) งานให้บริการวางระบบแบบครบวงจร (2) งานให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบํารุง และให้บริการพร้อมซ่อมบํารุงและดูแลรักษาแบบเบ็ดเสร็จ (3) การจําหน่ายระบบและให้บริการแบบแบ่งรายได้ ด้านพลังงานสะอาดหมุนเวียน (4) การจําหน่ายระบบและให้บริการพร้อมซ่อมบํารุงแบบสัญญาระยะยาวด้านระบบอัจฉริยะสําหรับเมือง นิคมอุตสาหกรรม และอาคาร ซึ่งบริษัทฯ ได้นําเทคโนโลยีคู่เสมือนดิจิทัล (Digital Twin) และเทคโนโลยีบล็อกเชน (Block chain) มาประยุกต์ใช้งาน เพื่อการเป็นผู้นําด้านงาน System Integration ที่สมบูรณ์แบบและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งยิ่งขึ้น
สำหรับการจําหน่ายระบบและให้บริการแบบแบ่งรายได้ ด้านพลังงานสะอาดหมุนเวียน บริษัทฯ ได้ปรับทิศทางธุรกิจด้านพลังงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเน้นการจําหน่ายและให้บริการผลิตและจําหน่ายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) หรือให้บริการแบบแบ่งรายได้จากผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นหน่วยงานรัฐและเอกชนขนาดใหญ่ ถึงแม้ธุรกิจด้าน Solar Energy จะมีผู้เล่นอย่างแพร่หลายแล้วก็ตาม แต่จากกระแสการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ Solar Energy ยังสูงมากและคาดว่าจะต่อเนื่องอีกหลายปี ตลอดจนงานด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าสําหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการที่บริษัทฯ ได้รับและดําเนินการแล้ว โดยภายในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทฯ จะมีการร่วมลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรในการทำธุรกิจขาย-ให้เช่า-สถานีแบตฯ แบบครบวงจร บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ากิจกรรมดังกล่าวข้างต้นจะสร้างโอกาสและรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
“สำหรับแนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากงานในมือรอรับรู้รายได้ Backlog ที่มีกว่า 2,166 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 ส่งผลให้รายได้ปีนี้โต 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย” นายมารุตกล่าวในที่สุด