บล.ฟิลลิป:
PTTGC: คาดกลุ่มปิโตรฯ ฟื้นตัว
ซื้อ TP66: 58.00
ทางฝ่ายคาดกำไร 2Q65 จะเป็นช่วงต่ำสุดของปี จากรายการพิเศษในมูลค่าที่สูง ขณะที่ช่วงที่เหลือแม้กลุ่มโรงกลั่นอาจจะชะลอลงตามสเปรดที่ลดลง แต่จะทำให้ขาดทุนป้องกันความเสี่ยงลดลง ขณะที่กลุ่มปิโตรฯ คาดการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวหลังการกลับมาผลิตจากอีเทนเพิ่มขึ้น รวมถึงจีนคลายล็อกดาวน์มากขึ้น
- 2Q65 กำไรดีกว่าคาดราว 10% : 2Q65 รายได้อยู่ที่ 197,602 ลบ. +12% q-q ตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่หากกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,388 ลบ. -67% q-q จากรายการพิเศษสุทธิ -12,315 ลบ. (กำไรสต็อก 3,085, hedging loss 12,734, ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 2,666) โดยไตรมาสนี้ได้ผลบวกจาก 1) กลุ่มโรงกลั่นดีตามอุปสงค์ฟื้นตัว ส่งผลให้ GRM สูงถึง 21.09$/bbl จาก 7.06$/bbl ใน 1Q65 2) Aromatics P2F อยู่ที่ 117 $/t จาก 48 $/t ใน 1Q65 จากอุปทาน PX และ BZ ที่ตึงตัวจากการที่ผู้ผลิตนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันแก๊สโซลีนแทน จากสเปรดที่ดี แต่ในส่วน Olefins แม้ราคา PE จะดีขึ้นจาก 1Q65 แต่ถูกกดดันจากการล๊อคดาวน์ในจีน และบ. มีการปิดซ่อมโรง OLE3 ทำให้ต้องใช้แนฟทามากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น รวมถึง Performance Material ได้รับผลจากสเปรด Phenol และ BPA ที่ลดลงจากอุปสงค์ที่ลดลงจากการล็อกดาวน์ในจีน และต้นทุน BZ ที่เพิ่มขึ้น ส่วน PO ได้รับผลจากอุปทานเพิ่มขึ้นทำให้สเปรดลดลง ขณะที่ Allnex การดำเนินงานทรงตัว และในส่วน JV กำไรเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนการถือ VNT เพิ่มขึ้น และจากขาดทุนการป้องกันความเสี่ยงทำให้อัตราภาษีจ่ายลดลง
- คาดปิโตรฯผ่านจุดต่ำสุดแล้ว : 3Q65 คาดการดำเนินงานกลุ่มปิโตรฯ ฟื้นตัว โดยเฉพาะ Olefins จากการกลับมาดำเนินงานตามปกติโรง OLE3 ทำให้คาด u-rate จะอยู่ที่ราว 90% และต้นทุนการผลิตลดลงจากกลับมาใช้อีเทนมากขึ้น ส่วนกลุ่มโรงกลั่นคาดการดำเนินงานอ่อนลงตาม GRM ที่ลดลง และอาจมี hedging gain จากสเปรดที่ลดลง