บล.ทรีนีตี้

เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซส – JMT

กำไร 2Q65 เริ่มดีขึ้น คาด 2H65 ยังสดใส

  • กำไร 2Q65 อยู่ที่ 433 ล้านบาท ดีขึ้น 18%QoQ และ 50%YoY ดีกว่าคาด
  • กระแสเงินสดจาก NPL ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากเป็น Low Season
  • ค่าใช้จ่ายจากประกัน COVID-19 ยังสูงต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดัน
  • แต่มีการกลับสำรองจากกองหนี้ที่ตั้งสำรองไว้สูงเป็นปัจจัยที่ช่วยชดเชย
  • คาดกำไร 2H65 จะดีขึ้นตามลำดับ โดยปัจจัยหนุน คือ ค่าใช้จ่ายประกัน COVID-19 ที่คาดว่าจะลดลง ยอดจัดเก็บที่มีแนวโน้มดีขึ้น และอาจเห็นการกลับสำรองหนี้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีกำไรจาก JK AMC ที่คาดว่าจะเห็นชัดเจนใน 4Q65
  • คงราคาเป้าหมาย 103 บาท และคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 2Q65 ดีขึ้น มีกลับสำรองหนุน แม้ธุรกิจประกันยังกดดัน

JMT ประกาศกำไร 2Q65 ที่ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%QoQ และ 50%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 5.6% โดยในไตรมาสนี้กระแสเงินสดจากลูกหนี้อยู่ที่ 1,337 ล้านบาท อ่อนตัว 8%QoQ ซึ่งเป็นผลกระทบจากวันหยุดยาวในช่วงเดือน เม.ย. ขณะที่กระแสเงินสดในช่วงเดือน พ.ค. – มิ.ย. ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ด้านปัจจัยหลักที่หนุนกำไรในไตรมาสนี้มาจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ (ECL) ที่มีการกลับสำรองราว 0.8 ล้านบาท จากที่มีการตั้งสำรองในระดับสูงถึงราว 111 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการจัดเก็บที่ดีกว่าคาดในกองหนี้ที่มีการตั้งสำรองไปก่อนหน้า ทำให้มีการกลับสำรอง ขณะที่ปัจจัยลบสำคัญยังมาจากค่าใช้จ่ายจากการจ่ายสินไหมของประกัน COVID-19 ที่ยังสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน แต่ยอดคงเหลือจากการเรียกสินไหมของประกัน COVID-19 น่าจะหมดในไตรมาสนี้แล้ว

คาดกำไร 2H65 ปรับตัวดีขึ้น และอาจเห็น New High ใน 4Q65

เราคงประมาณการกำไรปี 65 ที่ 2,115 ล้านบาท (+51%YoY) โดยกำไรงวด 1H65 ที่คิดเป็นราว 38% ของประมาณการทั้งปี โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายจากประกัน COVID-19 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 2H65 ขณะที่กระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งอาจทำให้เห็นการกลับสำรองหนี้ต่อเนื่องอีกด้วย ด้าน JK AMC คาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรเล็กน้อยใน 3Q65 และเริ่มเห็นกำไรอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q65 ทำให้เราคาดภาพรวมกำไร 2H65 จะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับ 1H65 โดยอาจเห็นกำไร 4Q65 ทำ New High รายไตรมาสอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่คาดเดาได้ยาก อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจส่งผลกระทบต่อประมาณการของเราได้

คงราคาเป้าหมาย 103 บาท

เราคงราคาเป้าหมายที่ 103 บาท อิง PBV 6.25 เท่า (สมมติฐาน Long-term ROE 16%, Ke 9.3% และ Long-term G 8%) แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาบ้าง แต่ยังมี Upside นอกจากนี้ยังมีปันผลระหว่างกาลอีก 0.49 บาท (XD 24 ส.ค. 65) คิดเป็น Div. Yield อีก 0.6% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: อัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสดและการซื้อหนี้ต่ำกว่าที่คาด

- Advertisement -