บล.พาย:
ERW: บมจ. ดี เอราวัณ กรุ๊ป “EBITDA พลิกเป็นบวกใน 2Q22 จากการฟื้นตัวของโรงแรมทุกกลุ่ม”
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่ปรับเพิ่มมูลค่าเป้าหมายขึ้นจาก 4.20 บาท เป็น 4.60 บาท ผลขาดทุนสุทธิ 2Q22 ที่ 139 ล้านบาท ถือว่าสอดคล้องกับคาดการณ์ ส่วน EBITDA พลิกเป็นบวกครั้งแรกตั้งแต่เกิดโควิด-19 เชื่อว่ากำไรใน 2H22 จะฟื้นตัวดีด้วยแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจของพอร์ตธุรกิจโรงแรมในไทย ทั้งในกลุ่มโรงแรมหรูและราคาถูกอย่าง Hop Inn’ หลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศ ขณะที่โรงแรมในประเทศของบริษัทมี อัตราการเข้าพักที่ 64% ใน 2Q22 สูงกว่า CENTEL ที่ 45% MINT ที่ 42% และ AWC ที่ 43% โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มโรงแรม Hop Inn ทั้งนี้ ถ้าไม่รวม Hop Inn อัตราการเข้าพักของบริษัทก็ยังคงโดดเด่นที่ 55%
ผลขาดทุนสุทธิใน 2Q22 ถือว่าปรับดีขึ้นมาก
- หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมไอบิส 3 แห่ง ผลขาดทุนจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 160 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 556 ล้านบาทใน 2Q21 และขาดทุน 316 ล้านบาทใน 1Q22
- รายได้อยู่ที่ 974 ล้านบาท (+271%YoY +53%QoQ) หนุนจากกลุ่มโรงแรมหรู (44% ของรายได้รวมใน 2Q22) อัตราการเข้าพักก้าวกระโดดเป็น 66% (42% ใน 1Q22) ขณะที่อัตราราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) ฟื้นตัวขึ้น 66% YoY แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ 25% สำหรับกลุ่มโรงแรมขนาดกลางและชั้นประหยัดก็ปรับดีขึ้น ด้วยอัตราการเข้าพักที่สูงกว่า 50% ในด้านอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) ของ Hop Inn ในไทยโตมายืนเหนือระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ ส่วน Hop Inn ในฟิลิปปินส์กำลังฟื้นตัวด้วยอัตราการเข้าพักที่ 55% จาก 51% ใน 1Q22
- ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานยังอยู่ในระดับที่คุมอยู่ ขณะที่มีจำนวนลูกค้าที่โรงแรมฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ EBITDA พลิกเป็นบวกที่ 155 ล้านบาท
- บริษัทได้เปิด Hop Inn ในไทยเพิ่ม 1 สาขา (61 ห้อง) และ 2 สาขาในฟิลิปปินส์ (397 ห้อง) ในช่วง 1Q22 ขณะที่ยังคงแผนการขยายสาขา Hop Inn อีก 3 สาขา ขนาด 385 ห้อง คาดว่าแผนดังกล่าวจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการขายโรงแรม ไอบิสไป 3 แห่งในช่วงเดือน เม.ย. ได้
ภาพรวม 2H22 ยังเป็นบวก
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 51%MoM เป็น 1.07 ล้านคน หลังจากมีการยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทาง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคนต่อเดือนในช่วง 4Q22 เป้าหมายที่ 10 ล้านคนจึงมีโอกาสเกิดขึ้นจริง
- ผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมของบริษัทในเดือน ก.ค. 2022 ยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่รวม Hop Inn ที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ (75% ของรายได้รวมใน 2Q22) เพราะมีอัตราการเข้าพักที่เพิ่มเป็น 65% จาก 55% ใน 2Q22 ส่วน ARR ฟื้นสู่ระดับ 2,500 บาท/คืน หรือต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ 15% คาด ส่วนต่างดังกล่าวจะหดแคบลงมาอยู่ในกรอบ 5%-8% ภายใน 4Q22 ก่อนที่จะฟื้นสู่ค่าเฉลี่ยได้ใน 1H23
- อัตรากรเข้าพักของ Hop Inn ในไทยช่วงเดือน ก.ค. 2022 อยู่ที่ 76% (73% ใน 2Q22) หนุนจากอุปสงค์สะสมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศในช่วง low season
แนะนำ “ซื้อ”
มูลค่าพื้นฐาน 4.60 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) อิง 33.0x PE’23E คิดเป็นส่วนลด 20% ต่อค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่วิเคราะห์อยู่ โดยยังชอบ ERW เพราะฟื้นตัวเร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นในประเทศ
รีวิวผลประกอบการ
- ผลขาดทุนสุทธิ 2Q22 ที่ 139 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 690 ล้านบาทใน 2Q21 และขาดทุนสุทธิ 313 ล้านบาทใน 1Q22
- หากไม่รวมรายการพิเศษ ผลขาดทุนจากการดำเนินงานจะลดลง YoY และ QoQ มาอยู่ที่ 160 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า YoY และโต 53% QoQ เป็น 974 ล้านบาท รายได้ที่โตแข็งแกร่งได้แรงกระตุ้นจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของโรงแรมทุกกลุ่ม ซึ่งได้อานิสงส์จากการเติบโตของจํานวนนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างชาติ
- ปรับลดประมาณการขาดทุนสุทธิเป็น 310 ล้านบาท จาก 471 ล้านบาท เพราะรายได้โรงแรมอื่นที่ไม่รวม Hop Inn ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด แต่ปรับลดกำไรปี 2023 ลง 11% เพื่อสะท้อนถึงมุมมองที่รัดกุมมากขึ้นต่อการฟื้นตัวด้าน ARR ของโรงแรมในกรุงเทพฯ
Revenue breakdown
- ธุรกิจหลักของ ERW และบริษัทย่อยคือการลงทุนพัฒนา และดำเนินงานอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมที่มีรูปแบบหลากหลาย ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ 75 แห่ง ด้วยจำนวนห้อง 9,930 ห้องในไทยและฟิลิปปินส์รวมกัน ทั้งยังดำเนินธุรกิจอื่นๆ อย่างพื้นที่ให้เช่า ค้าปลีก และการบริหารอาคารสำนักงาน โดยพอร์ตธุรกิจโรงแรมของ ERW จะครอบคลุมโรงแรมระดับหรูขนาดกลาง ชั้นประหยัด และชั้นถูก
- อัตราการเข้าพักโรงแรมหรู ขนาดกลาง ชั้นประหยัด และชั้นถูกในไทย และโรงแรมชั้นถูกในฟิลิปปินส์ของ ERW ในปี 2021 อยู่ที่ 21% 19% 15% 41% และ 49% ตามลำดับ ส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมในไทยมีสัดส่วนคิดเป็น 90% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจพื้นที่ให้เช่าและบริการในฟิลิปปินส์คิดเป็น 5% และธุรกิจโรงแรมในฟิลิปปินส์คิดเป็นอีก 5% ที่เหลือ