Daily Focus: Domestic and Reopening Play
2022 SET Target: 1670
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่อง ปิดบวกอีกเล็กน้อย 2.99 จุด ณ สิ้นวัน โดยมีปัจจัยกดดันทั้งตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ไม่สดใส แต่มีแรงซื้อหนุนกลุ่มโรงกลั่นและธนาคาร สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.5 พันลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องและเร่งขึ้นเป็น 5.8 พันลบ. (และ Long Index Futures อีก 3.2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways กรอบ 1,615-1,630 จุด กลุ่มพลังงานคาดถ่วงตลาด หลังราคาน้ำมันปรับลงแรงกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ ขณะที่ Supply ทยอยปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติคาดยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและประคองดัชนีจากเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเร่งตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นชัดขึ้นใน 4Q22 ขณะที่กำไร 2Q22 ของบจ.โดยรวมออกมาดีกว่าที่เราคาดราว 10% นำโดยกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี โรงพยาบาล แต่ Sector ที่ออกมาต่ำกว่าคาด คือ ค้าปลีกและรับเหมาฯ ภาพรวมเรายังชอบกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ซึ่งได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H22-2023 และกลับไปเท่าช่วงก่อน COVID-19 อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและค่อนข้างเร็วราว 7% จาก Low เดือนก่อน ทำให้ Upside เริ่มจำกัดเทียบกับ SET Target ของเราที่ 1,670 จุด จึงแนะนำทำกำไรระยะสั้นบางส่วนในช่วงปรับขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็น Flow ต่างชาติเริ่มชะลอ และ Short ปิดสถานะ Long Index Futures อย่างหนาแน่น และรอสะสมหุ้นกลับในช่วงอ่อนตัว
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนกลุ่ม Domestic และ Reopening Play // ทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,630+ จุด
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC
หุ้นเด่นวันนี้ : SISB
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท
- กำไร 2Q22 +24% Q-Q, +20% Y-Y ทำ New High และดีกว่าคาด 14% จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,731 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และค่าเทอมเพิ่มจากการที่นักเรียนกลับมาเรียน on-site มีค่าอาหารกลางวัน และกิจกรรมหลังเลิกเรียน และคุมรายจ่ายได้ดี
- กำไร 1H22 คิดเป็น 50% ของคาดการณ์ทั้งปี ขณะที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังคาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เบื้องต้นประเมินว่าประมาณการกำไรปีนี้มี upside ราว 10%
- แนวรับ 13//12.60 บาท แนวต้าน 14-14.10 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$96 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่ไทย US$163 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$90 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลเข้าโดยเฉพาะฝั่งเอเชียตะวันออกกังวลเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขออกมาไม่ดี แต่คาดยังไหลเข้าอาเซียนโดยเฉพาะไทยอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) GDP 2Q22 ไทยต่ำกว่าคาด แต่ไส้ในดี ออกมา +0.7% Q-Q, +2.5% Y-Y โดยตัวถ่วง คือ การลงทุนโดยเฉพาะภาครัฐที่หดตัวแรง แต่เครื่องยนต์หลักอย่างการบริโภค การส่งออก และโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวดี เรามองเศรษฐกิจไทย 2H22 เร่งตัวต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic และ Reopening Play หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ BBL BDMS CK CPN CPALL SAPPE SC SHR SISB TFG
(0) BCH กำไร 2Q22 -44% Q-Q, Flat Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด รายได้ชะลอตามสถานการณ์ COVID-19 ส่วนต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้ง SG&A สำรองหนี้เสีย FX Loss และขาดทุน KIH Vientiane โดยรวมกำไรผ่านจุด Peak ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงราคาเป้าหมาย 28.50 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(0) CK กำไรปกติ 2Q22 +147% Q-Q, +71% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาดจาก Gross Margin ที่น้อยกว่าคาดจากผลของ Project Mixed ที่มีงาน Margin ไม่สูง หลังสายสีส้มอยู่ช่วงท้ายโครงการ แต่บริษัทลูกๆ ยังแข็งแรงทั้ง BEM TTW CKP แนวโน้มกำไร 3Q22 คาดเร่งตัวขึ้น และมีโอกาสรับงานใหญ่เพิ่มช่วงปลายปี โดยเฉพาะสายสีส้มที่ BEM ยื่นซอง ยังคงราคาเป้าหมาย 25 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) TH กำไรสุทธิ 2Q22 +53% Q-Q, +209% Y-Y ดีกว่าคาดจากกำไรจากเงินลงทุน ส่วนการเก็บหนี้ของ THAM ดีขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้ม 2H22 คาดยังสดใสและอยู่ระหว่างการซื้อหนี้เพิ่ม ส่วนการตั้ง JV กับธนาคารอยู่ระหว่างเจรจา ยังคาดกำไรปี 2022-2024 +49% CAGR คงราคาเป้าหมาย 7.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) BRI กำไรปกติ 2Q22 +37% Q-Q, +81% Y-Y หนุนจากการรับรู้ Backlog และยอดขายใหม่ที่ทำ New High แนวโน้ม 2H22 คาดยังดีต่อเนื่องเร่งขึ้นทั้ง H-H และ Y-Y หนุนจากการเปิดโครงการใหม่และยอดขายโครงการเดิมที่ยังเด่น ยังคาดกำไรปีนี้ +89% Y-Y ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ORI กำไรสุทธิ 2Q22 +57% Q-Q, +36% Y-Y หนุนจากการขายเงินลงทุน JV ส่วนกำไรปกติ +23% Q-Q, -10% Y-Y ใกล้เคียงคาดจากการเริ่มโอน Park Origin Thonglor และ ALPHA ที่เริ่มกำไร แนวโน้มกำไร 3Q22-4Q22 คาดเร่งขึ้นไต่ระดับทุกไตรมาสจากการส่งมอบคอนโดใหญ่ ยังคงคาดกำไรปกติปีนี้ +20% Y-Y ราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 33,912.44 จุด เพิ่มขึ้น 151.39 จุด หรือ +0.45% โดยนักลงทุนคาดหวังว่า FED จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทําให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงมากนัก (Soft Landing)
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์ จากหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า +2.3% หลังยาเอ็นเฮอร์ทู (Enhertu) ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งสามารถชะลอการลุกลามของมะเร็งเต้านมในผู้ป่วยที่รับการรักษา
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย แกว่งตัวผสม ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.68 ดอลลาร์ หรือ -2.9% ปิดที่ 89.41 ดอลลาร์/บาร์เรล จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และความคืบหน้าข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 17.4 ดอลลาร์ หรือ -0.96% ปิดที่ 1,798.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 993.94 / -2.03