บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +79.5%
Close Aug 15, 2022 Price (THB) 5.85
12M Target (THB) 10.50
Previous Target (THB) 10.50
What’s new?
- แนวโน้ม 2H65 คาดเติบโต HoH ตามฤดูกาลและออเดอร์บางส่วนล่าช้ามาจาก 2Q65 ที่มี Lockdown ในจีน และคาดกำไรทำระดับสูงสุดใหม่อีกครั้งใน 4Q65
- ปี 2566 คาดยังเติบโตได้ 11%YoY แม้มีฐานสูง เพราะกำลังการผลิตใหม่อีกหมื่นตันเริ่ม 5.0 ผลิตได้ใน 4Q65 เป็นต้นไป หนุนรายได้ปี 66 ที่คาดว่าจะผลิตเต็มกำลังการผลิต โดยได้ลูกค้าใหม่ทั้งจากอินเดียและในยุโรป
Our view
- เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ NER ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q65
- ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำเพียง 5.1 และ 4.6 เท่าตามลำดับ พร้อมผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปีอีก 8% คงประมาณการ คงราคาเป้าหมาย และคงคำแนะนำ ซื้อ
NORTH EAST RUBBER ผ่านช่วงที่ยากลำบากไปแล้ว
แนวโน้ม 2H55 เติบโตสูง HoH ทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY
2H65 เข้าสู่ช่วง High season และปริมาณการส่งออกกลับมาฟื้นตัว โดยคาดกำไรปกติใน 3Q65 เบื้องต้นที่ 600 ลบ.+/- แต่กำไรสุทธิจะมากกว่าจากการกลับรายการขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงใน 2Q65 มาเป็นกำไรพิเศษใน 3Q65 เราคาดปริมาณขายจะกลับมาที่ระดับ 1.0 – 1.2 แสนตัน ด้วยราคาขายที่ทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย QoQ ที่ราว 58 – 59 บาท/กก. ได้แรงหนุนจากการส่งออกที่ฟื้นตัวราว 5%QoQ และเน้นขายในประเทศมากขึ้น ซึ่งมีค่าขนส่งต่ำกว่า เห็นได้จาก SG&A ใน 2Q65 ที่การส่งออกหดตัว 50 – 60% ทั้ง QoQ และ YoY แต่ SG&A ลดลง 52%QoQ และ 59%YoY เช่นกัน ส่วนแนวโน้ม 4Q65 เราคาดว่ากำไรอาจทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 650 ลบ.+/- จากปริมาณขายที่คาดว่าจะสูงที่สุดของปีที่ราว 1.3 แสนตัน เพราะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาตั้งแต่เดือน ก.ย. อีก 50,000 ตัน คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตเต็มกำลังการผลิต หนุนทั้งรายได้และ GPM
เป้ายอดขายปี 65 ที่ 4.6 แสนตันยังมั่นใจ… ปี 66 โตต่อ
NER ปรับเป้าปริมาณขายลงจาก 5.0 แสนต้น เป็น 4.6 แสนตัน จากการส่งออกที่ชะลอตัวเพราะจีน Lockdown ใน 2Q65 และมาตรการ Zero Covid ทำให้การส่งออกช้ากว่าเดิม แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลในจีนยังเติบโต โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ EV ทำให้ความต้องการยางล้อยังสูง อย่างไรก็ตาม ประมาณการของเราอยู่ที่ 4.5 แสนตัน ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท 1.4% แม้ว่าปริมาณขายใน 1H65 อยู่ที่เพียง 1.85 แสนตัน คิดเป็นเพียง 40% ของเป้าทั้งปีของบริษัท ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจที่จะมีการส่งมอบใน 2H มากกว่า 1H และใน 4Q65 จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเติมอีก 50,000 ตัน/ปี ขณะที่ปี 2566 กำลังการผลิตใหม่นี้จะสร้างรายได้เต็มปี และคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตเต็มกำลังการผลิต เนื่องจากมีลูกค้าใหม่ในอินเดียทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อเข้ามา และกำลังจะได้ลูกค้าใหม่ในยุโรป ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาตามมาตรฐานยุโรป คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 4Q65 และเริ่มมีรายได้ใน 1Q66 เป็นสินค้าที่มี GPM สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท ทำให้กำไรปกติปี 2566 ยังโตต่อได้แม้มีฐานที่สูง
PER อยู่ที่ 5 เท่า ปันผล 8% … คงคำแนะนำ ซื้อ
กำไรปกติ 1H65 อยู่ที่ 883 ลบ. ทรงตัว YoY แม้มีผลกระทบจากจีนในปีนี้ โดยคิดเป็นสัดส่วน 44% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา จึงยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ 2,025 ลบ. ทรงตัว YoY และคาดปี 2566 กำไรปกติเติบโต 10.8%YoY เป็น 2,243 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายด้วย PER65-66 ต่ำ เพียง 5.1 เท่า และ 4.6 เท่า ตามลำดับ คาดเงินปันผลทั้งปี 2565 ที่ 0.46 บาท/หุ้น (ประกาศงวด 1H65 ที่ 0.07 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 23 ส.ค.) ให้ผลตอบแทนทั้งปีที่ 7.8% จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 10.50 บาท มองว่าผ่านช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว เป็นโอกาสสะสม