บล.พาย:
GULF: บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ “กำไร 2Q22 อ่อนแอ เพราะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน”
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 58.0 บาท หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษอื่น กำไรปกติ 2Q22 จะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท (+120% YoY, -5% QoQ) นับว่าสอดคล้องกับคาดการณ์ โดยการปรับลดลง QoQ เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ ลดลง 3 ppts ส่วนกำไรปกติที่โตขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากการขายไฟฟ้าที่โตขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการ GSRC เฟส 4 ขนาด 663MW จะสร้าง upside ให้กับกำไรของบริษัทได้ตั้งแต่ 4Q22 นอกจากนี้ยังมี upside เพิ่มเติมจากโครงการใหม่ที่คาดว่าจะประกาศเพิ่มในช่วง 2H22
กำไร 2Q22 ลดลงจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
- กำไรสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+9% YoY, -55% QoQ) ที่ลดลง QoQ เพราะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1.5 พันล้านบาท หลังจาก เงินบาท/USD อ่อนค่าลง
- หากไม่รวมรายการอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษอื่น กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท (+120% YoY, -5% QoQ) การปรับลดลง QoQ เป็นผลจาก GPM ที่ลดลง -2.8 ppts เพราะมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น ส่วนการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่โตเท่าตัว
- รายได้โตเป็น 2.3 หมื่นล้านบาท (+105% YoY, +12% QoQ) การเติบโต QoQ ได้แรงกระตุ้นจากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท (+ 18% QoQ) และการรับรู้ส่วนแบ่งจากการ COD โรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 3 ใน 1Q22 บวกกับการปรับเพิ่มค่า Ft ใน 2Q22 สำหรับการเติบโต YoY มาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า
- ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนที่ไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนพุ่งสูงขึ้นเป็น 2 พันล้านบาท (+178% YoY, +14% QoQ) การเติบโตในเชิง YoY ได้แรงหนุนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
ภาพรวมแข็งแกร่งใน 2H22-23
การรับรู้กำไรจาก 1) โครงการ GSRC เฟส 4 ขนาด 662.5MW ที่จะ COD ในช่วงเดือน ต.ค. 2022 และ 2) โครงการวัน แบงค็อก (ระบบจำหน่ายไฟฟ้าขนาด 240MW) ที่คาดว่าจะ COD ใน 2H22 ต่างจะช่วยขับเคลื่อน กำไร 2H22 ทั้งในเชิง YoY และ QoQ ทั้งนี้ แผนการเริม COD โครงการต่างๆ ในปี 2023-24 ของบริษัทมีภาพรวมแข็งแกร่ง และคาดว่าจะช่วยหนุนทิศทางกำไรได้
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 58.0 บาท
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 58.0 บาท คำนวณด้วยวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) อิง 51x PE’22E ราคาก๊าซที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เพราะมีสัดส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ที่สูงกว่าคู่แข่ง
Result Summary
- กำไรสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+9% YoY, -55% QoQ) ที่ลดลง QoQ เพราะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1.551 พันล้านบาท หลังจากเงิน บาท/USD อ่อนค่าลง
- หากไม่รวมรายการอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษอื่น กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท (+120% YoY, -5% QoQ) การปรับลดลง QoQ เป็นผลจาก GPM ที่ลดลง -2.8 ppts มาอยู่ที่ 19.3% ใน 2Q22 จาก 22.1% ใน 1Q22 เพราะมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้น ส่วนการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มเป็น 2.1 พันล้านบาท (+112% YoY) จากการรับรู้ส่วนแบ่งเพิ่มเติมจาก GSRC หน่วยที่ 2-3 (เริ่ม COD ใน 3Q21 และ 1Q22)
- รายได้โตเป็น 2.3 หมื่นล้านบาท (+105% YoY, +12% QoQ) การเติบโต QoQ ได้แรงกระตุ้นจากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท (+ 18% QoQ) และการรับรู้ส่วนแบ่งจากการ COD โรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 3 ใน 1Q22 บวกกับการปรับเพิ่มค่า Ft เป็น 0.1698 บาท/kWh ใน 2Q22
- ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนที่ไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนพุ่งสูงขึ้นเป็น 2 พันล้านบาท (+178% YoY, +14% QoQ) การเติบโตในเชิง YoY ได้แรงหนุนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
- กำไรปกติ 1H22 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี โดยยังคงประมาณการชุดเดิม เพราะคาดว่าบริษัทจะบรรลุอีก 52% ที่เหลือใน 2H22 จากการดำเนินงานปกติที่ได้แรงหนุนจากการปรับเพิ่มค่า Ft และการรับรู้รายได้จาก GSRC เฟส 4 ตั้งแต่ 4Q22
Revenue breakdown
รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายไฟฟ้าโดยตรงผ่านบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้าในประเทศไทยและเวียดนาม โดยบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินงานอยู่ 7.9GW (3.95 GWe) จากแหล่งพลังงานที่หลากหลายทั้งพลังงานความร้อนร่วม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล และพลังงานลม
ในปี 2021 รายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คิดเป็นสัดส่วน 81% ของรายได้รวม ในขณะที่ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม (IU) คิดเป็นสัดส่วน 13% และรายได้อื่นๆ และค่าธรรมเนียมการจัดการอีก 6%
นอกจากนี้บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและถือครองหุ้น 42.25% ใน INTUCH โดยในปี 2021 บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม และบริษัทที่ร่วมกันควบคุมคิดเป็น 38% ของกำไรสุทธิรวม