บล.เอเซีย พลัส:
2Q65 กำไรปกติอ่อนตัว และคาดต่อเนื่องใน 3Q65
EASTW รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7%qoq มาอยู่ที่ 253.6 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติลดง 13.2%qoq มาอยู่ที่ 218.6 ล้านบาท จากทั้งปริมาณขายน้ำดิบที่ลดลง และธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมรับรู้ผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายที่สูง รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่าธุรกิจน้ำประปาจะมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ชดเชยได้ไม่หมด ช่วงสั้นคาดทิศทางกำไรปกติ 3Q65 ยังอ่อนตัว ต่อเนื่อง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงฤดูฝน และดอกเบี้ยจ่ายที่คาดจะเพิ่มขึ้น
คงประมาณการกำไร และ FV ปี 2565 ที่ 6.5 บาท/หุ้น ทิศทางกำไรในช่วง 2H65 คาดปรับตัวลดลง หลังผ่านพ้นช่วง High season ใน 1H65 มาแล้ว อีกทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยจ่ายที่คาดจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากแผนสำรองการก่อสร้างท่อเพื่อชดเชยส่วนที่แพ้ประมูลโครงการ และยังมีความเสี่ยงจากการหาฐานลูกค้าใหม่ ขณะที่ผลตัดสินของศาล ปัจจุบันยังไม่มี timeline ที่ชัดเจน จึงคงคำแนะนำ Switch
2Q65 กำไรสุทธิเพิ่มเล็กน้อย แต่กำไรปกติอ่อนตัว QoQ
EASTW รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7%qoq มาอยู่ที่ 253.6 ล้านบาท เนื่องจากในงวดนี้มีการบันทึกรายการพิเศษเป็นเงินชดเชยค่าเคลมประกันผู้รับเหมาราว 35 ล้านบาท (1-time-item) อย่างไรก็ตาม หากตัดรายการพิเศษดังกล่าวออกไป พบว่ากำไรปกติลดลง 13.2%qoq มาอยู่ที่ 218.6 ล้านบาท กดดันจากกำไรขั้นต้นที่ลดลง 6.6%qoq มาอยู่ที่ 460.4 ล้านบาท ( GPM ลดลงมาอยู่ที่ 38.2% จาก 43.1% ในงวด 1Q65) เนื่องจากธุรกิจน้ำดิบ (สัดส่วนรายได้ 62.2% ของรายได้จากการขายและบริการงวด 2Q65) มีรายได้ลดลง 2.2%qoq มาอยู่ที่ 716.2 ล้านบาท จากปริมาณขายน้ำดิบที่ลดลง 3.9%qoq มาอยู่ที่ 63.7 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณฝนที่ตกหนักในช่วงปลาย 2Q65 ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าใช้น้ำจากแหล่งน้ำของตัวเอง และเรียกซื้อน้ำดิบจาก EASTW น้อยลง ประกอบกับมีต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำดิบลดลงมาอยู่ที่ 50.5% จาก 54.0% ในงวด 1Q65 สุทธิแล้วกำไรขั้นต้น ธุรกิจน้ำดิบลดลง 8.5%qoq มาอยู่ที่ 361.6 ล้านบาท และของธุรกิจอื่นๆ (สัดส่วนรายได้ 6.8% ของรายได้จากการขายและบริการงวด 1Q65) รับรู้เป็นผลขาดทุนขั้นต้นเพิ่มขึ้น 230.4%qoq มาอยู่ที่ 11.9 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการผลิต เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าสารเคมี ค่าจ้าง O&M ต่างๆ รวมถึงค่าน้ำดิบและค่า เสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า ถึงแม้ว่ารายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.4%qoq มาอยู่ที่ 77.9 ล้านบาท จากปริมาณจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ชดเชยไม่หมด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจขายน้ำประปา (สัดส่วนรายได้ 31.0% ของรายได้จากการขายและบริการงวด 2Q65) มีรายได้เพิ่มขึ้น 7.2%qoq มาอยู่ที่ 356.8 ล้านบาท ตาม ปริมาณขายน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น 2.6%qoq มาอยู่ที่ 23.97 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจขายน้ำประปาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 31.0% จาก 30.4% ในงวด 1Q65 สุทธิแล้ว กำไรขั้นต้นของธุรกิจขายน้ำประเพิ่มขึ้น 9.5%qoq มาอยู่ที่ 110.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้น 6.8%qoq มาอยู่ที่ 138.5 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 17.1%qoq จากการออกหุ้นกู้เมื่อ 31 พ.ค.65
โดยรวมแล้วกำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 57.6% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ทิศทางกำไรปกติ 3Q65 อ่อนตัว QOQ ตามฤดูกาล
เบื้องต้น ฝ่ายวิจชัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ไว้ที่ 816.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 23.1%yoy จากยอดขายน้ำโดยรวมที่ลดลงตามแน้วโน้มปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปีก่อน หน้า และสภาวะ COVID-19 ที่ยังคงอยู่ ส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้น้ำโดยรวมมีการเรียกซื้อน้ำจาก EASTW ลดลง
ทิศทางกำไรปกติงวด 3Q65 คาดอ่อนตัวลงจาก 2Q65 ภายใต้สถานการณ์ปกติจากการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ซึ่งถือเป็นช่วง low season ของความต้องการใช้น้ำดิบและน้ำประปา เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำสะสมในอ่างสำรองใช้ของกลุ่มลูกค้า มากขึ้น ทำให้มีปริมาณซื้อน้ำดิบจาก EASTW ลดลง ความถึงคาดจะเริ่มรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น ตามการกู้เงินเพื่อลงทุนของทางบริษัทฯ
ประเด็นผลตัดสินของศาลกรณีท่อส่งน้ำ ยังไม่มี TIMELINE
จากประเด็น “โครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก” ฝ่ายวิจัยได้สอบถามไปยังผู้บริหาร และได้รับความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ในส่วนของคดีหลักที่ EASTW ได้ยื่นขอใหศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติ หรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของ คณะกรรมการคัดเลือกเอกชน และเพิกถอนประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ (TOR ครั้งที่ 2) ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดี และยังไม่มีรายละเอียดของ time Line ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางได้ระงับการดำเนินการลงนามในสัญญา โครงการบริหารท่อส่งน้ำดังกล่าว ระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนผู้ได้รับสิทธิไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ปัจจุบัน EASTW อยู่ระหว่างช่วงเริ่มต้นดำเนินการใช้แผนสำรองด้วยการลงทุนก่อสร้างท่อขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนท่อเดิมที่จะต้องส่งมอบแก่ผู้ชนะประมูลในภายหลัง โดยคาดจะมีระยะเวลาก่อสร้างราว 1.5 – 2 ปี และใช้เงินลงทุนราว 4.2 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งที่มาของเงินลงทุนคาดจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้ง 100% โดยสัดส่วน CAPEX ในปี 2565-66 คาดจะอยู่ที่ราว 60% และ 40% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากพิจารณาฐานะทางการเงินของ EASTW ณ สิ้นงวด 2Q65 พบว่าบริษัทมีเงินสดอยู่ที่ 303.2 ล้านบาท และสัดส่วน D/E ที่ 1.0X ซึ่งหากมีการกู้ยืมเงินเต็มจำนวน โดย กำหนดสมมติฐานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ราว 3% จะส่งผลให้ D/E เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 1.4x และมีต้นทุนภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 126 ล้านบาท/ปี ส่วนในแง่ของการหาลูกค้า ผู้บริหารเผย จากการสำรวจกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน คาดว่าจะยังคงมีฐานกลุ่มลูกค้ารายเดิมที่ใช้บริการราว 75-85% ซึ่งหากก่อสร้างท่อแล้วเสร็จทัน จะสามารถดำเนินการส่งจ่ายน้ำต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีการทำสัญญาใหม่
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งยังต้องขึ้นกับผลพิจารณาคดี ท้ายสุดหากศาลตัดสินให้ EASTW กลับมาเป็นผู้ชนะคดี และมีคำสั่งยกเลิก TOR ครั้งที่ 2 EASTW อาจพิจารณาหยุดก่อสร้างท่อลงในบางส่วน และกลับมาใช้ท่อส่งน้ำเส้นเดิม ซึ่งจะส่งผลให้มีต้นทุนในการก่อสร้างและภาระดอกเบี้ยจ่ายที่น้อยลง หรืออาจเรียกเก็บเป็นเงินค่าชดเชยความเสียหายจากกรมธนารักษ์เป็นการทดแทน
ESG
Environment: มุ่งมั่นพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับการควบคุมการใช้พลังงานให้มีความสอดคล้องกัน
Socialt: ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม ส่งเสริมการจ้างแรงงานท้องถิ่น ผู้ด้อยโอกาส และคนพิการ ไม่เลือกปฏิบัติ ตลอดจนมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพความ เชี่ยวชาญในสายงาน
Governance: ดำนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ปฏิบัติตามกฎหมาย และแนวปฏิบัติขององค์กรประเทศ และระดับสากล มุ่งเน้นการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้มีส่วนได้เสีย ทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม
EASTW แนะนํา SWITCH
ราคาปัจจุบัน (บาท) 6.60
ราคาเป้าหมาย (บาท) 6.50
Upside (%) -1.52
Dividend yield (%) 4.6