บล.เอเซีย พลัส:
ยืนยันภาพการฟื้นตัวกลับสู่ช่วงก่อนเกิดโควิด
BDMS ยืนยันภาพแนวโน้มกำไรปี 2565 จะฟื้นตัวกลับมาสู่ช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID มาจาก 2 ปัจจัยหลัก 1) รายได้จากการให้บริการหลัก (ไม่เกี่ยวข้องกับ COVID) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับมามากขึ้น และการขยายกำลังการให้บริการตั้งแต่ช่วง 2H65 2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ทำได้ดีขึ้น ตามสัดส่วนรายได้ของชาวต่างชาติสูงขึ้น
ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BDMS ที่ราคาเป้าหมาย 32.75 บาท (DCF, WACC 7.0%) เนื่องจาก 1) แนวโน้มกำไรงวด 3Q65 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เข้าสู่ช่วง High Season ของกลุ่มรพ. 2) ภาพระยะยาวยังดูดี คาดการณ์กำไรปี 2565-66 เติบโตเฉลี่ยปีละ 25.6% 3) Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ จากโครงการ BDMS Silver Wellness และร้านขายยารูปแบบใหม่ (BDMS+COM7)
ยืนยันภาพการฟื้นตัวธุรกิจ กลับมาสู่ช่วงก่อน COVID ได้ตั้งแต่ในปีนี้
BDMS มั่นใจภาพแนวโน้มกำไรในปี 2565 จะฟื้นตัวกลับมาสู่ช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID (ปี 2562) พร้อมปรับเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2565 เป็น 15-20%YoY จากเป้าเดิม 12-15%YoY รวมถึงปรับเป้าอัตรากำไร (EBITDA Margin) ให้สูงขึ้นจากเดิมที่ 22% เป็น 23% หลักๆ มาจาก
1) รายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติ ที่คาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ หลังจากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศให้สะดวกมากยิ่งขึ้น (ยกเลิก ระบบ Thailand Pass ตั้งแต่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา) ซึ่งสะท้อนได้จากสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยชาวต่างชาติในงวด 2Q65 (24.0% ของรายได้รวม) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.5%YoY และ 3.3%QoQ หรือคิดเป็น 87.5% ของรายได้เฉลี่ยรายไตรมาสในปี 2562 (ช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID) ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นผู้ป่วยจากกลุ่มตะวันออกกลาง (5% ของรายได้รวม) และ CLMV (5% ของรายได้รวม)
2) แผนการขยายกำลังการให้บริการที่ใช้รองรับผู้ป่วย (Capacity) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยจะขยายพื้นที่บริการใน รพ. เดิมที่มีอัตราการใช้บริการที่สูงอยู่แล้วราว 3 แห่ง (เปาโล Premium, เปาโล SSO และ กรุงเทพอุดร) คาดหนุนกำลังการให้บริการเพิ่มขึ้นราว 7-15%YoY แนวโน้มกำไรจะเติบโตเด่นทั้ง YoY และ QoQ ในงวด 3Q65
ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรในงวด 3Q65 จะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งเข้าสู่ช่วง High Season ของกลุ่มรพ. เป็นผลจากรายได้การให้บริการหลัก (ไม่เกี่ยวข้องกับ COVID) และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่คาดว่าจะทำได้ดีขึ้น จากสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยต่างที่ชาติที่กลับมามากขึ้น ตามภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงการให้ส่วนลดค่ายา ค่าห้อง ที่คาดว่าจะทยอยลดลงตามลำดับ
คงประมาณการกำไรปี 2565-66 คงคําแนะนํา “ซื้อ”
เนื่องจากสมมติฐานรายได้ในปี 2565 ของฝ่ายวิจัยให้เติบโตราว 14.8%YoY ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าการเติบโตรายได้ของบริษัท (15-20%YoY) ดังนั้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2565-66 ไว้ตามเดิม (กำไร 1H65 มีสัดส่วนราว 51.8%) อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (+48.7%YoY) และ 1.3 หมื่นล้านบาท (+6.1%YoY) ตามลำดับ เรายังคงคําแนะนํา “ซื้อ” BDMS โดยมีราคาเป้าหมายที่ 32.75 บาท (DCF, WACC 7.0%) เนื่องจาก 1) แนวโน้มกำไรในงวด 3Q65 จะเข้าสู่ช่วง High Season คาดเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ 2) ภาพในระยะยาวยังดูดี โดยคาดการณ์กำไรปี 2565-66 โตด้วยอัตราเฉลี่ย 25.6% 3) Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากโครงการ BDMS Silver Wellness (ศูนย์ดูแล สุขภาพครบวงจร) และร้านยารูปแบบใหม่ที่เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง BDMS และ COM7
ประเด็นความเสี่ยง
- สภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศของผู้ป่วยต่างชาติที่มารักษาที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลกระทบต่อการเข้ามารักษา
- การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาล
- ความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง เช่น การควบคุมยา เวชภัณฑ์ และค่ารักษาพยาบาล
BDMS แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 28.00
ราคาเป้าหมาย (บาท) 32.75
Upside (%) 16.96
Dividend yield (%) 1.30