บล.เอเซีย พลัส:
2Q65 ขาดทุนปกติหนักขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
งวด 2Q65 TRUE ขาดทุนสุทธิ 761 ล้านบาท (รวมรายการพิเศษ 1.6 พันล้านบาท) โดยมีขาดทุนปกติ ที่ 2.4 พันล้านบาท แย่กว่าทั้งไตรมาสก่อนและงวด 2Q64 ที่ขาดทุนปกติอยู่ 1.6 พันล้านบาท และ 648 ล้านบาท ตามลำดับ โดย QoQ ที่แย่ลงเป็นเพราะรายได้ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ส่วนภาพ YoY แย่ลงเพราะมีต้นทุนสูงขึ้น แม้เชื่อว่า TRUE จะยังขาดทุนปกติต่อเนื่องใน 2H65 แต่ภาพระยะยาวยังดูดี โดยหากสามารถควบรวมกับ DTAC ได้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการทำกำไรให้ดีขึ้น และมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น ทั้งนี้เรายังให้น้ำหนักว่าการควบรวมจะเกิดขึ้นได้ โดยหาก กสทช. สามารถพิจารณาเรื่องควบรวมได้แล้วเสร็จในเดือน ก.ย 65 การควบรวมกันกับ DTAC น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปี จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TRUE โดยมีราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 5.70 บาท (ภายใต้สมมติฐานการควบรวมสำเร็จ)
ขาดทุนปกติ 2Q65 หนักขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
TRUE รายงานขาดทุนสุทธิ 761 ล้านบาท (รวมรายการพิเศษ 1.59 พันล้านบาท คือ กำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ออกไปบางส่วน 1.19 พันล้านบาท กำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วมราว 322 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 75 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าดีกว่าไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.62 พันล้านบาท แย่กว่างวด 2Q64 ที่ขาดทุนสุทธิเพียง 298 ล้านบาท
หากไม่รวมรายการพิเศษ ผลการดำเนินงานปกติในงวด 2Q65 ยังขาดทุน 2.35 พันล้านบาท แย่กว่าทั้งงวด 1Q65 ที่ขาดทุนปกติอยู่ 1.88 พันล้านบาท และงวด 2Q64 ที่ขาดทุน ปกติ 688 ล้านบาท รวมทั้งแย่กว่าที่เราและที่ตลาดคาดการณ์ โดยผลประกอบการปกติที่ตกต่ำลง QoQ เป็นเพราะ 1) รายได้จากการขายและบริการลดลง 3% QoQ เหลือ 3.3 หมื่นล้านบาท และ 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) เพิ่มจาก 17.9% ในงวด 1Q65 เป็น 20.2% จากการใช้งบการตลาดที่สูงขึ้น และเมื่อเทียบกับงวด 2Q64 พบว่าผลการดำเนินงานปกติที่แย่ลง YoY เพราะต้นทุนสูงขึ้น 9% YoY ซึ่งไปหักล้างรายได้จากการขายและบริการที่ค่อนข้างทรงตัว
คาด 2H65 จะขาดทุนในจำนวนที่น้อยลง
แม้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลประกอบการปกติของบริษัทใน 3Q65 จะยังขาดทุน แต่น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยจะเป็นการขาดทุนในจำนวนที่น้อยลง หลังเริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาเพิ่มจากกำลังซื้อที่เริ่มดูดีขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดจะทำให้ส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการใช้บริการมือถือ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยพยุง ARPU ไม่ให้ ลดลงแรง แม้การแข่งขันยังรุนแรง ทั้งนี้คาดหวังการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่องไปใน 4Q65 เพราะจะได้แรงหนุนจากผลบวกของฤดูกาล โดยในไตรมาส 4 ของทุกปี จะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งยอดขายมือถือและลูกค้าใหม่ให้สูงขึ้น
คงประมาณการกำไรปี 65 –66 และคงแนะนำ “ซื้อ”
แม้คาดว่าผลประกอบการปกติในระยะสั้นจะยังขาดทุน แต่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในระยะยาวยังดูดี โดยคาดหวังศักยภาพในการทำกำไรที่ดีขึ้น จากการควบรวม DTAC ที่คาดจะช่วยให้มีต้นทุนที่ลดลง และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเรายังให้น้ำหนักว่าการควบรวมจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันกระบวนการควบรวมกับ DTAC อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้งนี้หากสำนักงาน กสทช. สามารถนำเสนอรายงานสรุปผลการศึกษาเรื่องการควบรวมในประเด็นที่บอร์ด กสทช. สั่งให้ไปรวบรวมเพิ่มเติมได้ภายในต้นเดือน ก.ย 65 และบอร์ด กสทช. มีการสรุปผลการพิจารณาได้ภายในช่วงปลาย ก.ย. 65 เชื่อว่าการควบรวมจะเกิดขึ้นได้ทันในช่วงปลายปีนี้ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TRUE โดยมีราคา เป้าหมายปี 65 ที่ 5.70 บาท (ภายใต้สมมติฐานการควบรวมสำเร็จ)
ประเด็นความเสี่ยง
1. อยู่ในอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ต้องใช้เงินลงทุนสูงสำหรับอุปกรณ์และโครงข่าย
2. การแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรง มีการใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ เพื่อช่วงชิงลูกค้าเป้าหมาย
3. บริการดั้งเดิม เช่น SMS บริการเสียง และบริการรับ-ส่งข้อความ ประสบกับปัญหา (Disruption) จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์
TRUE แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.96
ราคาเป้าหมาย (บาท) 5.70
Upside (%) 14.9
Dividend yield (%) –