STARK แกร่ง! โชว์ผลงาน Q2/65 รายได้โต 39.6%
รับรู้ยอดขายโครงการใหญ่ทะลัก–ผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงหนุน
มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30,000 ลบ.ทำนิวไฮต่อเนื่อง
บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) โชว์งบไตรมาส 2/65 โตแกร่ง ฟันรายได้ 7,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.6% กำไรพุ่งแตะ 689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากรับรู้ยอดขายโครงการภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ประกอบกับการปรับสัดส่วนการขายที่มุ่งเน้นกลุ่มสินค้า High Margin ฟากผู้บริหาร “ประกรณ์ เมฆจำเริญ” ระบุแผนการเข้าลงทุนใน LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc ผู้ผลิตสายไฟฟ้าสำหรับรถยนต์และ EV อันดับ 1 ของโลกยังเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ EV และ Charging Solutions ก้าวสู่ระดับสากล มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30,000 ล้านบาท ทำนิวไฮต่อเนื่อง
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้หลัก 7,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้หลัก 5,252 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 528 ล้านบาท ขณะที่มีกำไร (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่) 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีที่กำไร524 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีรายได้หลัก 13,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้หลัก 9,908 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 969 ล้านบาท ขณะที่มีกำไร (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่) 1260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 963 ล้านบาท
“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการรับรู้รายได้ จากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการ อีกทั้ง Product mix ที่ปรับตัวจากการมุ่งเน้นกลุ่มสินค้า High Margin โดยยอดขายเติบโตในทั้งประเทศไทย เวียดนามและ ตลาดต่างประเทศ (international markets)” นายประกรณ์กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยจะมาจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ล ที่ตลาดยังเติบโตได้ทั้งจากการขยายตัวของความต้องการไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ การขยายตัวของ Renewable Energy (RE) ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่หมื่นกว่าล้านบาท และมีงานที่กำลังอยู่ระหว่างการประมูลติดตามอยู่อีกมาก ทั้งในประเทศไทย เวียดนามและต่างประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการเข้าลงทุนซื้อกิจการ LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ LEONI ผู้ผลิตสายเคเบิ้ลสำหรับยานยนต์ (Automotive cable) และสายไฟสำหรับ EV charging solutions เบอร์ 1 ของโลก ในสัดส่วน 100% ซึ่งหากธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ เป็นการต่อยอดและขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ EV และ Charging Solutions โดยจะไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะและนโยบายการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงวันที่จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 จากเดิมวันที่ 12 ตุลาคม 2565 เป็นวันที่ 23 กันยายน 2565 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการซื้อหุ้นใน LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc และเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 1,500,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 15,875,206,607 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 17,375,206,607 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,500,000,000 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท) และพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 สิงหาคม นี้