บล.เอเซีย พลัส:
ทิศทางกําไรปกติจะเติบโตใน 2H65
SVI ปรับเป้าหมายรายได้ปี 2565 ไว้อยู่ในกรอบ 700-750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตถึง 29-39% yoy (จากเดิมที่ตั้งไว้ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เนื่องจากมี Downside ลูกค้าในกลุ่มโทรคมนาคม 5G ชะลอคำสั่งซื้อลงบ้าง ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มกล้องวงจรปิด และป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และได้ตั้งเป้า Gross margin ปี 2565 ที่ 8.0-8.5% แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นบ้าง แต่จะถูกชดเชยจากจากค่าเงินบาทอ่อนค่าและ Synergy จากธุรกิจ Tohoku ซึ่งผลิตวัตถุดิบชิ้นส่วนฯ ให้ SVI
คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 3% yoy จากฐานที่สูงในปีก่อน และผลกระทบจากราคาวัตถุดิบชิ้นส่วนฯ สูงขึ้น กดดันแนวโน้ม gross margin ปรับลดลง ในเบื้องต้นคาดกำไรปกติงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่อง QoQ (แต่ลดลง YoY จากฐานกำไร 3Q65 ที่สูงกว่าปกติมาก) จากช่วง High season ของธุรกิจ และผลบวกจาก ทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง FV ปี 65 อยู่ที่ 9.50 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation น่าสนใจ โดยมี PER ที่ 12 เท่าต่ำที่สุดในกลุ่มชิ้นส่วนฯ คงคำแนะนำซื้อ
รายได้ปี 2565 เติบโต….แต่ GROSS MARGIN จะอ่อนตัวสู่ระดับปกติ
SVI ปรับเป้าหมายรายได้รวมปี 2565 ไว้อยู่ในกรอบ 700-750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตถึง 29-39%yoy จากเดิมให้ไว้ที่ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (สอดคล้องกับประมาณการที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่ารายได้ปี 2565 จะเติบโต 29.5% yoy มาอยู่ที่ 704 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) เนื่องจากมี Downside ลูกค้ากลุ่มโทรคมนาคม 5G ที่จะชะลอคำสั่งซื้อลงในงวด 2H65 จากฐานรายได้ที่สูงมากใน ปี 2564 ขณะที่ลูกค้ากลุ่มกล้องวงจรปิด (Security camera) และสินค้าประเภทป้ายราคา (Electronic price tag) ยังเติบโตได้ดีมากตามแผน โดย SVI มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในมือสำหรับ 12 เดือน (Backlog) ข้างหน้ามากกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งมองว่าปัญหาวัตถุดิบชิพขาดแคลนจะเริ่มทยอยดีขึ้นใน 2H65
สำหรับความเสี่ยงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจีน-ไต้หวันจะส่งผลกระทบต่อ SVI จำกัด เนื่องจาก SVI นำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่จากทางฝั่งยุโรป นอกจากนี้ SVI ยังตั้งเป้า Gross margin ปี 2565-66 ที่ 8.0-8.5% (ใกล้เคียงที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 8.5%) โดยเริ่มเห็นราคาวัตถุดิบเริ่มทรงตัวใน 2H65 และคาด SVI จะได้รับประโยชน์จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในงวด 2H65
โดย SVI ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 ของธุรกิจ Tohoku ราว 1.7-1.8 พันล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.0 พันล้านบาทในปี 2566 แม้คิดเป็นสัดส่วนไม่มาก (สัดส่วนราว 7% ของรายได้รวมของ SVI) แต่จะช่วยหนุนให้ Gross margin ของ SVI ให้ดีขึ้นในระยะยาว จากการช่วยลดต้นทุนการผลิตวัตถุดิบให้ถูกลง เนื่องจาก Tohoku เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบชิ้นส่วน plastic และ metal part โดย SVI ประเมินว่าผลบวกจาก Synergy จาก Tohoku จะเริ่ม รับรู้ได้ในงวด 2Q66 (18 เดือน หลังจากซื้อธุรกิจ Tohoku เข้ามา) ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้ม Gross margin ของ SVI เพิ่มขึ้นราว 1.0-1.5% จากปัจจุบัน
สำหรับกำลังการผลิตใหม่ที่จะขยายในปี 2565 ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้น 32.6% ของกำลังการผลิตทั้งหมดยังคงเป็นไปตามแผนเดิม คาดใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 700 ล้านบาท โดยมีฐานะการเงินที่ดีพร้อมลงทุนได้สะท้อนจากสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย ณ สิ้นงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.0 เท่า แบ่งเป็น 1)โรงงาน SVI Slovakia เพิ่มพื้นที่ใช้ในการผลิตอีก 4,500 ตารางเมตร เริ่มดำเนินการผลิตและรับรู้รายได้ในงวด 2Q65 และ 2) โรงงาน SVI Cambodia เพิ่มพื้นที่ใช้ในการผลิตเพิ่มอีก 25,000 ตารางเมตร ขยายแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565
ทิศทางกำไรปกติ 3Q65 จะเติบโต QoQ แต่ลดลงจากฐานสูงใน 3Q64
คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 2.5% yoy มาที่ 1.4 พันล้านบาท จากฐานที่สูงในปีก่อน และคาดกำไรปกติจะลดลง 10.1% yoy มาที่ 1.2 พันล้านบาท กดดันจากแนวโน้ม Gross margin ปี 2565 จะลดลงสู่ระดับปกติที่ 8.5% จาก 11.3% ในปี 2564 จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น หักล้างแนวโน้มรายได้รวมปี 2565 เติบโตถึง 41.7% yoy จากการได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นไปได้ทั้งหมด ทั้งนี้ คาดกำไรปกติปี 2566 เติบโต 13.8% yoy สู่ระดับ 1.4 พันล้านบาท จากแนวโน้มรายได้รวมปี 2566 จะเติบโต 9.0% yoy
ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรปกติงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่อง QoQ (แต่ลดลง YoY จากฐานกำไร 3Q64 ที่สูงกว่าปกติ) เนื่องจากแนวโน้มรายได้รวมงวด 3Q65 จะเติบโตจากช่วง High season อีกทั้ง แนวโน้มปัญหาชีพขาดแคลนจะทยอยฟื้นตัว ทำให้ส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแนวโน้ม หนุนแนวโน้มประสิทธิภาพการทําทําไรให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง
VALUATION น่าสนใจ PER 13 เท่า…แนะนำซื้อ
กำหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 9.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 8.9%) ให้น้ำหนักกำไรเติบโตต่อเนื่องในงวด 2H65 อีกทั้งความความกังวลเรื่องปัญหาชีพขาดแคลนเริ่มคลี่คลาย ด้าน Valuation น่าสนใจมี PER ที่ 13 เท่าต่ำที่สุดในกลุ่มชิ้นส่วนฯ คงคำแนะนำซื้อ
ประเด็นความเสี่ยง
1.ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ SVI
2.เศรษฐกิจชะลอตัว หากเศรษฐกิจชะลอตัว จะกดดันคำสั่งซื้อของลูกค้าให้ลดลง และจะกดดันรายได้รวมและกำไรสุทธิของ SVI
SVI แนะนำ ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 7.80
ราคาเป้าหมาย (บาท) 9.50
Upside (%) 21.8
Dividend yield (%) 2.4