บล.พาย:

MEGA: บมจ. เมก้า ไลฟีไซแอ็นซ์ “ผลงานดีท่ามกลางความไม่แน่นอน”

ลดคำแนะนำจากซื้อเป็น “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 54 บาท แม้มีความท้าทายในเมียนมา แต่บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิใน 2Q22 ได้ที่ 570 ล้านบาท (+13%YoY, -7%QoQ) สอดคล้องกับที่เราและ Bloomberg consensus คาด การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่โตแข็งแกร่งของ Mega We Care ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ แอฟริกา หนุนจากอุปสงค์แข็งแกร่งต่อเนื่อง บวกกับการอ่อนค่าของเงินบาท/USD

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งอีกไตรมาส

• หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติจะอยู่ที่ 544 ล้านบาท (+16%YoY, -13%QoQ) กำไร 1H22 คิดเป็น 56% ของประมาณการปี 2022

• การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจาก 1) ยอดขายของ Mega We Care ที่โตเป็น 2 พันล้านบาท (+19%YoY) ใกล้เคียงยอดสูงสุดใน 3Q21 และ 2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่โตขึ้นเป็น 42.6% จากสัดส่วนรายได้ที่ดี (ส่วนแบ่งรายได้จาก Mega We Care ที่สูงขึ้น)

• ส่วนการลดลง QoQ เป็นผลจากอัตรากำไรในธุรกิจ Maxxcare ที่หดตัวลงเป็น 16.3% จาก 17.7% ใน 2Q21

ธุรกิจในเมียนมามีความท้าทาย

• ธุรกิจในเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของรายได้รวม และ 10% ของกำไรสุทธิ โดยทำการจำหน่ายเภสัชภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ “Maxxcare” ซึ่งถือเป็นสินค้าจำเป็น จึงไม่คิดว่าความไม่สงบทางการเมืองในเมียนมาจะกระทบกำไรของบริษัทไม่มากนัก

• ปรับลด PE ที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น MEGA ลงจาก 25 เท่าเป็น 22 เท่า เพื่อสะท้อนปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง

แนะนำ “ถือ” ธุรกิจในเมียนมาเผชิญกับความท้าทาย

ลดคำแนะนำจากซื้อเป็น “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 54.00 บาท อิง 22xPE’23E คิดเป็นส่วนลด 25% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ไทย หรือตามค่าเฉลี่ยซื้อ ขายย้อนหลัง 3 ปี คำแนะนำและมูลค่าพื้นฐานดังกล่าวสะท้อนการปรับประมาณการกำไรและลด PE ลง แต่คาดว่ากำไรปี 2022-23 จะโตต่อเนื่อง YoY หนุนจากการออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพตัวใหม่ อุปสงค์จากกระแสรักสุขภาพ และกลยุทธ์การขยายตลาดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว

บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.75 บาท/บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 1.5% ขึ้น XD วันที่ 24 ส.ค. 2022

- Advertisement -