Our View? “เข้าสู่ขั้นตอนปรับฐานใหม่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศเริ่มกลับมากังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% อีกครั้ง ในการประชุม FOMC ในเดือน ก.ย. โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า FED ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำติดตามการประชุม Jackson Hole วันที่ 25-27 ส.ค. นี้ คาดจะเห็นทิศทางรวมทั้งท่าทีทางนโยบายทางการเงินของ FED มากขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่เราค่อนข้างมีความกังวลต่อตลาด คือ การที่ FED จะปรับเพิ่มวงเงินในการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) โดยคาดว่าในช่วงเดือน ก.ย. นี้ FED จะเพิ่ม การทำ QT สู่ระดับ 9.5 หมื่นล้าน/เดือน โดยเป็นการปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หมดอายุลงโดยไม่มีการต่ออายุใหม่ ซึ่งถือเป็นการลดสภาพคล่องในตลาดโลกลง กดดันกระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงเช่นกัน คาดจะกดดันทิศทางตลาดอ่อนตัวลงเพื่อปรับฐานใหม่ได้อีกครั้ง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเริ่มชะลอกําลังลงบ้างแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน +0.27 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 90.77 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.30% ทั้งนี้ เรายังคงให้น้ำหนักจากแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจ ซึ่งคาดจะสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์หน้า คาดจะส่งผลให้อิหร่านมีโอกาสส่งน้ำมันกลับเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้งในระยะถัดไป คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ
สําหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้แนะนำติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี คาดจะเป็น Noise เข้ามารบกวนตลาดได้บ้าง ขณะที่คาดว่าการเร่งตัวขึ้นอีกครั้งของ Dollar Index คาดจะส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงสั้น อาจชะลอการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติได้บ้าง ซึ่งส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Big Cap. ชะลอตัวลงเช่นกัน อีกทั้งเรายังมองตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงจากระดับ 1,520 – 1,640 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จน Valuation ของตลาด ในปัจจุบันที่เริ่มกลับมาถึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า เริ่มอยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H165 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “MAKRO”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 34.25 / 33.75 Target 37.50 / 43.50 Stop <33.50