กังวลเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ กังวลเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย กลุ่มเทคฯ ลงมากสุด ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.86%, -2.01%, -1.29%
  • ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาของเยอรมนี ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ทําให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด -1.12%, 0.11, -0.94%, -1.96%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.27 ดอลลาร์ปิดที่ 90.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.72 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลอุปสงค์ที่อ่อนแอและภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการที่ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
  • ตลาดหุ้นไทย วันศุกร์ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค มีแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลต่อดัชนี DELTA, SCB, ADVANC, PTTGC, IVL, GPSC, BGRIM หลัง SET ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนก.ค. ราว 8% กอปรกับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ตามค่าเงินในภูมิภาคจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี ทำให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดสูงสุดต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ต่ำกว่าคาดทั้งทางด้านการผลิตและการบริโภค ทำให้โบรกเกอร์ต่างประเทศหลายรายปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปีนี้ลงมาที่ระดับ 3 2.8% จากเดิมที่ 3.3% ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนลง 0.10% สู่ระดับ 2.75% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15) เช้านี้ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.05% มาที่ระดับ 3.65% จากระดับ 3.70% ถือว่าปรับลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.15% สู่ระดับ 4.30% จากระดับ 4.45% ถือว่าปรับลงมากกว่าที่ตลาดคาด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวหลังเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การใช้นโยบาย Zero Covid และการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จีน
  • ศบค. เห็นชอบขยายระยะเวลาพำนักของผู้เดินทางเข้าไทยจากไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน ขยายระยะเวลาประเภท Visa on Arrival (VOA) จากไม่เกิน 15 วัน เป็นไม่เกิน 30 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 – 31 มี.ค. 2566 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เรามองเป็นบวกต่อหุ้น MINT, CENTEL, ERW, CRC, SPA, MBK
  • แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าผันผวน เช้านี้ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนี Dow jones futures และราคาน้ำมันดิบต่างปรับตัวลง นักลงทุนกังวลเฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในการประชุมเดือนก.ย. ตลาดให้น้ำหนัก 50:50 ที่เฟดจะปรับขึ้น 0.75% หรือ 0.50% เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังมีความเห็นในทางเดียวกันว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เงินบาทอ่อน คาดว่าต่างชาติน่าจะชะลอการเข้าซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย เพื่อรอจังหวะค่าเงินในภูมิภาคเริ่มนิ่งก่อน  แนะนำซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ BH, BDMS, CENTEL, ERW, SPA

กลยุทธ์การลงทุน

Trading: ไม่ปิดต่ำกว่าระดับ 1,600 จุด แนะนำ “เก็งกำไรได้”

 

- Advertisement -