Daily Focus: Domestic and Reopening Play

2022SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแรงซื้อหนาแน่นเข้ามาช่วงบ่าย นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ หนุนดัชนีปิดบวกแรง 17.75 จุด สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่พักตัว สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.3 พันลบ. ขณะที่ฝ่ายซื้อคือนักลงทุนต่างชาติและเร่งขึ้นเป็น 4.8 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures เล็กน้อย 4.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,625-1,645 จุด หลังฟื้นตัวแข็งแกร่งวานนี้ ภาพรวมแม้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน และตลาดต่างรอดูถ้อยแถลงของประธาน FED ใน Jackson Hole Symposium ว่าจะส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยและ QT เร็วต่อเนื่องหรือไม่ เพื่อดึงเงินเฟ้อลงสู่กรอบเป้าหมาย ส่วนในประเทศยังคงต้องตามศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีท่าทีหรือคำสั่งต่อประเด็นครบวาระ 8 ปีนายกฯ อย่างไร ส่วนงาน Thailand Focus 2022 เริ่มวันนี้คาดส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่น เราประเมินแรงหนุนหลังยังคงเป็นกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตามทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เร่งตัวสวนทางภูมิภาคอื่นๆ ที่ชะลอและเสี่ยงหดตัว ยังคงมองบวกระยะกลาง-ยาวต่อหุ้น Domestic และ Reopening Play และแนะนำสะสมกลับในช่วงตลาดพักตัวบริเวณ 1,600+- โดยยังประเมิน SET Index จะทยอยแกว่งตัวขึ้นได้ใน 2H22-2Q23

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนกลุ่ม Domestic และ Reopening Play // รอสะสมหุ้นบริเวณ 1,600+-

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC

หุ้นเด่นวันนี้ : TLI

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 19.20 บาท
  • เป็นผู้เล่นธุรกิจประกันชีวิตใหญ่อันดับ 3 ของไทย และมีแนวโน้มการเติบโตแข็งแรงตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการซื้อประกันมากขึ้น ซึ่ง TLI มีกลยุทธ์ออกและเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ หนุนการเติบโตทั้งรายได้และ Margin
  • เราคาดว่ากำไรของ TLI จะเติบโต +16% CAGR ในช่วงปี 2022-2024 มี Combined Ratio สูงเป็นอันดับ 2 และ ROI สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
  • แนวรับ 15.50 บาท แนวต้าน 16.30-16.50//17 บาท

หมายเหตุ: FSS เป็นผู้จัดจําหน่ายหุ้น IPO ของ TLI

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$362 ล้าน แต่ยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$544 ล้าน ส่วนประเทศอื่นกระแสเงินทุนค่อนข้างเบาบาง มีเพียงไทยที่ไหลเข้าหนาแน่นสุด US$133 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกโดยตลาดยังคงจับตาสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ในการประชุม Jackson Hole

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ICHI คาดกำไร 3Q22 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y และลุ้นเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ จากการเตรียมออกสินค้าใหม่ 5-6 ตัวในเดือน ก.ย.-พ.ย. 22 หนุนทั้งรายได้และ Margin จากการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ช่วยหักล้างผลลบจากต้นทุนเม็ดพลาสติกและค่าไฟที่สูงขึ้นได้ ขณะที่มีการปรับสูตรเครื่องดื่มให้ปริมาณน้ำตาลผ่านเกณฑ์แล้วเสร็จ ช่วยลดภาษีน้ำตาลและจะช่วยหนุนกำไรปี 2023 เป็นต้นไป ยังคาดกำไรปกติปี 2022-2023 Flat Y-Y และ +15% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 11 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) ILINK งานเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่ามูลค่า 1.8 พันลบ. ที่บริษัทเสนอราคาต่ำสุด ปัจจุบันผ่านคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว คาดเซ็นสัญญาไม่เกินเดือนหน้า หนุน Backlog แตะ 3 พันลบ. ธุรกิจ Cable Distribution ยังสดใส และจะเริ่มทำตลาดสินค้าใหม่สาย Low Smoke Zero Halogen ต้นปีหน้า ซึ่งตอบโจทย์ด้าน ESG ส่วน Demand ของสายสัญญาณยังสูง เราคาดกำไร 2H22 จะดีกว่า 1H22 ยังคงประมาณการกำไรปี 2022-2023 +16% Y-Y และ +15% Y-Y ตามลำดับ ปัจจุบันเทรด PER เพียง 10 เท่า ยังคงราคาเป้าหมาย 12 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) TOA เรามีมุมมองบวกต่อภาพรวม 2H22 จากผลของการปรับราคาขายขึ้นรอบที่ 3 เต็มไตรมาส ท่ามกลางราคาวัตถุดิบที่ชะลอความร้อนแรงลงทั้ง Oil linked ตามราคาน้ำมัน และ TiO2 อีกทั้ง ยอดขายเร่งขึ้นจากฐานต่ำในปีก่อนที่มีล็อกดาวน์และปิดแคมป์ก่อสร้าง รวมถึงได้อานิสงค์จากแผนรุกเปิดตัวโครงการอสังหาฯ และการเปิดเมืองหนุนความต้องการใช้สี ทําให้แนวโน้มกำไร 2H22 เร่งขึ้น H-H และ Y-Y โดย 4Q22 จะเป็นไตรมาสที่สุดของปีตามปัจจัยฤดูกาล เราคงประมาณการกำไรปี 2022 -12% Y-Y ก่อนเร่งตัว +18% Y-Y ในปี 2023 เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 36 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,909.59 จุด ลดลง 154.02 จุด หรือ -0.47% จากตัวเลข PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการสหรัฐที่หดตัวลง

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก จากแรงเก็งกำไรหุ้นที่ร่วงลง ได้แรงหนุนในหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน และกลุ่มเหมืองแร่

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 36.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.38 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์/บาร์เรล จากซาอุฯ เสนอโอเปกพลัสเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 12.8 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,761.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 984.38 / -3.18

- Advertisement -