ระวังความกังวลเงินเฟ้อและดอกเบี้ยจะกลับมาอีกรอบ ยังเน้นลดพอร์ต

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวกเล็กน้อย 0.18% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ด้านตัวเลขเศรษฐกิจมีการเปิดเผยคำสั่งซื้อสินค้าคงทนทรงตัว MoM แย่กว่าตลาดคาดที่ +0.9%MoM บ่งชี้ถึงการอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำหรับราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% หลังจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านยังมีความไม่แน่นอนประกอบกับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงถึง 3.3 ล้านบาร์เรลลดลง มากกว่าตลาดประเมินที่ 2.4 ล้านบาร์เรลสะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

Market Outlook

วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งในกรอบ 1620 – 1637 ภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่นักลงทุนยังรอดูการประชุม Jackson Hole ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็เชื่อว่าตลาดจะรอดูถ้อยแถลงของประธาน FED (เจอโรม พาวเวล) ต่อการแสดงความเห็นสำหรับทิศทางดอกเบี้ยและเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดความคาดหวังเงินเฟ้อ 5 ปีจากนี้ของนักลงทุนปรับตัวขึ้นมาสูงอีกครั้ง สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นต่อเนื่อง และนักลงทุนกำลังให้น้ำหนักกับการดอกเบี้ยที่ 0.75% ในเดือนกันยายนที่ความน่าจะเป็น 60% ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ลดลงเหลือเพียง 40% ดังนั้นหากสัญญาณจากประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole เริ่มแสดงท่าทีต่อความกังวลเงินเฟ้อหรือดอกเบี้ยที่อาจมากกว่า 0.75% ก็เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นมีโอกาสตอบสนองเชิงลบ ขณะที่ปัจจุบันราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง อาทิ ราคาน้ำมันดิบ BRT ทดสอบระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และแก๊สธรรมชาติก็กลับมาปรับขึ้น ดังนั้นคล้ายกับว่าปัญหาเงินเฟ้อเมื่อพิจารณาแล้วแม้จะผ่านจุดสูงสุด แต่ยังมีปรับลงง่ายๆ ท่าทีต่อความเข้มงวดด้านนโยบายการเงินจึงจะดำเนินต่อไป ด้านปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินที่ 2.5 แสนตำแหน่ง รวมถึงการประกาศ GDP 2Q22 ของสหรัฐ (รอบสอง) Bloomberg ประเมินที่ -0.7%QoQ เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นลดพอร์ตการลงทุนเพราะข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้น ยังเน้นไปที่พลังงาน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สื่อ (ONEE PLANB) ท่องเที่ยว (AOT BAFS CENTEL MINT)

Pi Stock Picks

PTTEP (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 179.00 บาท)

คาดกำไรโตแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2H22 เพราะผู้บริหารให้แนวทางปริมาณขายที่โตอีก 16% YoY และ 9% HoH เป็น 4.87 kBOED หนุนจากการเร่งผลิตจากโครงการ G1/61 (เอราวัณ) และแอลจีเรียที่เริ่มเดินเครื่องใน

BAFS (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท)

คาดผลประกอบการพลิกเป็นกำไรสุทธิเล็กน้อยภายใน 4Q22 หนุนจาก 1) ปริมาณเติมเชื้อเพลิงอากาศยานที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 800-900 ล้านลิตร/ไตรมาส หรือราว 60% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และ 2) ขาดทุนจาก NFPT ที่น้อยลง

- Advertisement -