Daily Focus: Domestic and Defensive Play

2022SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways แคบๆ โดยปิดบวกเล็กน้อย 1.26 จุด รอดูถ้อยแถลงของประธาน FED ในงานสัมมนาประจำปีที่ Jackson Hole สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 758 ลบ.และ 667 ลบ. ตามลำดับ (สถานะใน Index Futures ไม่มีนัยยะนัก)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index พักฐานลงหากรอบ 1,610-1,630 จุด ตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบทั่วโลก เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงรุนแรง หลังถ้อยแถลงของประธาน FED ใน Jackson Hole Symposium โทนออกมา Hawkish มากขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่า FED จะยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรงและยาวนานกว่าที่ประเมิน ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังประเมินว่า SET Index จะพักตัวน้อยกว่าฝั่งตะวันตก จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงเร่งตัวสวนทางภูมิภาคอื่นๆ ที่อยู่ในทิศทางชะลอ และมีความเสี่ยงหดตัวในปีหน้า ระยะสั้นหุ้น PER สูงโดยเฉพาะ Growth และ Tech จะถูกกดดัน รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์ ขณะที่กลุ่ม Domestic Play คาดว่ายังแข็งแรงในระยะ กลาง-ยาว เราแนะนำรอสะสมหุ้นเพิ่มช่วงตลาดพักฐาน และยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ใน 2H22-2023

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และพักเงินใน Defensive Play ระยะสั้น // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,580-1,600+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 2H22 คาดยังแข็งแกร่งและเติบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ทุกไตรมาส จากการรับรู้รายได้โครงการแนวราบที่แข็งแรง และการโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการใน 4Q22
  • เราคาดกำไรปี 2022 +15% Y-Y ทำ New High ต่อเนื่องจากปีก่อน และยังมองบวกจากฐานลูกค้าที่เป็นระดับกลาง-บน ซึ่งมีกำลังซื้อดี และกระทบจำกัดจากประเด็นเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
  • แนวรับ 3.44-3.42 บาท แนวต้าน 3.60//3.70 บาท

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ตลาดเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหลัง Powell แถลง ใน Jackson Hole Symposium ระบุ ว่า FED จะยังคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งอาจสร้างความบาดเจ็บต่อเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่หากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาได้จะเป็นลบมากกว่า ถ้อยแถลงถือว่าเน้นย้ำเข้มขึ้นกว่าการแถลงที่ผ่านๆ มา เพิ่มโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.75% ในการประชุมเดือน ก.ย. เราประเมินหุ้นกลุ่ม Tech และ Growth จะกลับมาถูกกดดันอีกครั้ง ขณะที่หุ้น Value และ Defensive Play จะยังสามารถเคลื่อนไหวได้แข็งกว่าตลาด สอดคล้องกับมุมมองของเรา

(-) ส่งออกไทยเดือน ก.ค. ต่ำกว่าคาด ออกมาที่ US$2.36 หมื่นล้าน +4.3% Y-Y ต่ำกว่าที่ตลาดคาด +11% Y-Y จากตลาดจีนที่หดตัวแรง -21% Y-Y เนื่องจากมีการ Lockdown บางส่วน อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และยุโรปยังโต +5% Y-Y และ +8% Y-Y ตามลำดับ ขณะที่อินเดียยังโตแรง +33% Y-Y สินค้าที่หดตัวแรงคือผลไม้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รถยนต์และส่วนประกอบ รวม 7M22 ส่งออกไทยอยู่ที่ US$1.73 แสนล้าน +11.5% Y-Y ด้านการนำเข้าเดือน ก.ค. พุ่งแรงเป็น US$2.72 หมื่นล้าน +24% Y-Y จากการนำเข้าเชื้อเพลิงและวัตถุดิบเป็นหลัก โดย 7M22 ไทยขาดดุลการค้าเกือบ US$1 หมื่นล้าน แนวโน้มยอดส่งออก 5 เดือนที่เหลือคาดเติบโต Low to Mid Single Digit หากอิงเป้าทั้งปี 2022 ของ NESDC ที่คาด +7.9% Y-Y

(+) กลุ่มการแพทย์ เราคาดกำไร 3Q22 ของกลุ่มจะหดตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y จากทั้งปัจจัยฤดูกาล สถานการณ์ COVID-19 ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยสีเขียว รวมถึงฐานที่สูงจากการระบาดของ Delta ในปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดจำนวนผู้ป่วยยังเติบโตแบบ Organic ได้แข็งแรงทั้งไทยและต่างชาติโดยเฉพาะตะวันออกกลาง ทำให้เรายังชื่นชอบโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูง ได้แก่ BH BDMS และ PR9 ยังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight แนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,283.40 จุด ร่วงลง 1,008.38 จุด หรือ – 3.03% หลังประธาน FED ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีลดลง และถูกกดดันจากประธาน FED ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และถูกกดดันจากท่าที่ hawkish ของประธาน FED

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 36.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 93.06 ดอลลาร์/บาร์เรล จากซาอุฯ ส่งสัญญาณว่ากลุ่มประเทศโอเปก อาจจะปรับลดการผลิตน้ำมัน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 21.6 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,749.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังประธาน FED ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 984.38 / –

- Advertisement -