บล.ฟิลลิป:

ราชธานีลิสซิ่ง – THANI ผลงานทะลุเป้า

Key Point

ผลงาน 1H65 ทำได้ดีกว่าเป้าในทุกรายการ ทั้งการปล่อยสินเชื่อ การควบคุม NPL และ D/E ratio ทำให้ THANI ได้มีการปรับเป้าการปล่อยสินเชื่อขึ้นเป็น 20% จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 10 – 15% และการควบคุม NPL ที่ดี ทำให้มี การตั้งสำรองน้อยกว่าที่ทางฝ่ายคาด จึงได้ปรับประมาณการกำไรขึ้น และการปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 66 ที่ 5 บาท ยังคงมีส่วนต่างจากราคาหุ้นปัจจุบันพอสมควร จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

1H65 ผลงานดีกว่าเป้า

จากความต้องการรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายรถยังเติบโต ถึงแม้ว่าจะติดปัญหาเรื่องจำนวนการผลิตที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการก็ตาม แต่ก็ทำให้ตลาดรถบรรทุกมือ 2 คึกคัก ส่งผลดีต่อ THANI โดยตรง เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่ของ THANI เป็นสินเชื่อรถบรรทุก คิดเป็น 69% ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งทำให้ยอดเบิกจ่ายสินเชื่อจากที่ตั้งเป้าไว้ 26.4 พันล้านบาท 1H65 ทำได้แล้ว 14.4 พันลบ. สินเชื่อสุทธิตั้งเป้าสิ้นปีไว้ที่ประมาณ 50 พันลบ. ขณะนี้ทำได้แล้ว 50.8 พัน ลบ. ระดับ NPL ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 4% ขณะนี้อยู่ที่ 2.53% สัดส่วนการตั้งสำรองตั้งไว้ไม่เกิน 1% ของสินเชื่อรวม ขณะนี้ต่ำเพียง 0.78% และ D/E ratio ตั้งเป้าไว้ไม่ให้เกิน 4 เท่า ขณะนี้อยู่ที่ 3.53 เท่า ทำ ให้ THANI ได้มีการปรับเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ขึ้นจากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 10 – 15% เพิ่มขึ้นเป็น 20% และระดับ NPL อาจจะยังลดลงได้ต่อเนื่องอีก

มีการจัดการ NPL อย่างจริงจัง ส่งผลดีทั้งคุณภาพสินทรัพย์ และลดการตั้งสำรอง

หลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID – 19 ได้หมดไปในสิ้นปี 64 ทำให้ THANI ได้ดำเนินการจัดการ NPL อย่างจริงจัง โดยได้มีการเพิ่ม Incentive ให้กับการติดตามหนี้ การเร่งจัดการทางด้านกฎหมาย ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายใน 2Q65 เพิ่มขึ้น 41.2% y-y และ 14.8% q-q แต่ก็ทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของ THANI ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย NPL ลดลงจาก 1Q65 ที่มีอยู่ 3.09% ลดลงเหลือ 2.53% ใน 2Q65 และทำให้การตั้งสำรองลดลงมากด้วย โดย 2Q65 นั้นมีการตั้งสำรองเพียง 0.56% ของสินเชื่อรวม จาก 1Q65 ที่มีการตั้งสำรอง 1.02% ของสินเชื่อรวม และเป็นอีกเหตุผลสำคัญนอกเหนือจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นที่ทำให้กำไร 2Q65 ของ THANI เพิ่มขึ้น 15.1% y-y และ 8.2% q-q

ปรับประมาณการกำไรขึ้น ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 66

จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ทำให้ THANI มีการตั้งสำรองน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ทางฝ่ายจึงปรับประมาณการการตั้งสำรองในปี 65 ลง และทำให้ประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 พันลบ. จากเดิมคาดไว้ที่ 1.8 พันลบ. ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 66 ทำให้ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 5 บาท

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นหลัก
  3. ความเสี่ยงด้านคุณภาพของลูกหนี้

 

- Advertisement -