บล.เอเซีย พลัส:

E-BUS เริ่มชัดเจน แต่ราคาหุ้นเต็ม FV ปัจจุบัน

จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักเชิงบวกมากขึ้นในธุรกิจ E-Bus ซึ่งเห็นแนวโน้มการส่งมอบรถให้ได้ตามเป้าที่ชัดเจนขึ้นสำหรับ 1.2-1.5 พันคันในปี 2565 และอีกราว 2.5-3 พันคัน ในปี 2566-67 ให้แก่กลุ่ม BYD โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มสมมติฐานการส่งมอบรถปี 2565-66 ขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 -1.5 พันคัน ตามแผนการส่งมอบของบริษัท ซึ่งภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น 10.8% และ 13.0% จากเดิม และช่วยเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ E-Bus ได้อีก 5 บาท/หุ้น มูลค่าพื้นฐานปีใหม่ปี 2565 อยู่ที่ 65 บาท/หุ้น (เดิม 60 บาท/หุ้น) โดยรวมเฉพาะธุรกิจที่มีความชัดเจนในปัจจุบันเท่านั้น ประกอบด้วย 1) ธุรกิจเดิมของ EA ได้แก่ ธุรกิจโรงไฟฟ้า และ ธุรกิจไบโอดีเซล 2) ธุรกิจแบตเตอรี่ phase 1 กำลังการผลิต 1 พัน MWh 3) ธุรกิจ E-Bus อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นจนเกินมูลค่าพื้นฐานธุรกิจที่แท้จริงไปมาก แม้อิงมูลค่าพื้นฐานใหม่ก็ตาม คงคำแนะนำ switch

เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนในธุรกิจ E-BUS

จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายมีจัยให้น้ำหนักเชิงบวกมากขึ้นในการส่งมอบ E-Bus ได้ตามเป้าหมายในปี 2565 ที่ราว 1.2-1.5 พันคัน และในปี 2566-67 คาดจะมีการทยอยส่งมอบอีกราว 2.5-3 พันคัน หลังจากเมื่อ 30 มิ.ย. 2565 EA ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้น 23.6% ใน BYD และโอนบริษัทย่อยทั้งหมด 100% ภายใต้ ETH ซึ่งได้แก่ ธุรกิจให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้า และธุรกิจโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ ให้แก่ BYD ซึ่งภายหลังจาก Deal แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ EA รับรู้ BYD จะเข้ามาเป็นบริษัทร่วม และช่วยต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ โดยสามารถสร้างยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ให้แก่ BYD ได้ราว 3-4 พันคัน ซึ่งคาดจะมาจากบริษัทย่อยที่ BYD ถือหุ้น ได้แก่ 1) บริษัท สมาร์ทบัส จํากัด (SMB) ราว 0.8-1.5 พันคัน และ 2) บริษัท ไทย สมายล์บัส จำกัด (TSB) ราว 1.5 พันคัน นอกจากนี้คาดจะมียอดขาย E-BUS ให้แก่กลุ่มลูกค้าภาคเอกชนรายอื่นๆ ได้อีกบ้างเล็กน้อย

สำหรับความคืบหน้าด้านการส่งมอบรถในช่วงที่ผ่านมา ทาง EA ยังไม่ได้มีการส่งมอบในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเผยจะเริ่มทยอยส่งมอบ E-Bus ให้กับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในช่วง 3Q65 ได้ราว 500-800 คัน และ 4Q65 อีกราว 1 พันคัน ตามแผนการได้รับสัมปทานเดินรถของ SMB และ TSB และต้องจัดเดินรถตามเงื่อนไขภายใน 180 วัน ตามที่ภาครัฐกำหนด

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ผู้บริหารเผยความคืบหน้ารถบรรทุกไฟฟ้า (E Truck) ซึ่งคาดจะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดในช่วงปลาย 3Q65-4Q65 นอกจากนี้ ยังมีต้นแบบหัวรถจักรไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาออกสู่ตลาดในระยะถัดไป

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 65 สะท้อนมุมมอง E-BUS ใหม่

ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพื่อสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ E-Bus โดยฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มสมมติฐานส่งมอบบ E-Bus ในปี 2565-66 ขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 พันคัน และ 1.5 พันคัน จากเดิม 300 คัน และ 400 คัน ตามลำดับ และในระยะยาวกำหนดให้มีการเติบโตเฉลี่ยต่อเนื่อง 3% ในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรปกติปี 2565-66 เพิ่มขึ้น 10.8% และ 13.0% จากเดิมมาอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท และ 7.2 พันล้านบาท ตามลำดับ และส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ของธุรกิจ E-Bus เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.0 บาท/หุ้น (เดิม 3.0 บาท/หุ้น)

เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนในธุรกิจ E-BUS

จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายมีจัยให้น้ำหนักเชิงบวกมากขึ้นในการส่งมอบ E-Bus ได้ตามเป้าหมายในปี 2565 ที่ราว 1.2-1.5 พันคัน และในปี 2566-67 คาดจะมีการทยอยส่งมอบอีกราว 2.5-3 พันคัน หลังจากเมื่อ 30 มิ.ย. 2565 EA ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้น 23.6% ใน BYD และโอนบริษัทย่อยทั้งหมด 100% ภายใต้ ETH ซึ่งได้แก่ ธุรกิจ ให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้า และธุรกิจโดยสารประจำทางในกรุงเทพ ฯ ให้แก่ BYD ซึ่งภายหลังจาก Deal แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ EA รับรู้ BYD จะเข้ามาเป็นบริษัทร่วม และช่วยต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ โดยสามารถสร้างยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ให้แก่ BYD ได้ราว 3-4 พันคัน ซึ่งคาดจะมาจากบริษัทย่อยที่ BYD ถือหุ้น ได้แก่ 1) บริษัท สมาร์ทบัส จํากัด (SMB) ราว 0.8-1.5 พันคัน และ 2) บริษัท ไทย สมายล์บัส จำกัด (TSB) ราว 1.5 พันคัน นอกจากนี้คาดจะมียอดขาย E-BUS ให้แก่กลุ่มลูกค้า ภาคเอกชนรายอื่นๆ ได้อีกบ้างเล็กน้อย

สำหรับความคืบหน้าด้านการส่งมอบรถในช่วงที่ผ่านมา ทาง EA ยังไม่ได้มีการส่งมอบในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเผยจะเริ่มทยอยส่งมอบ E-Bus ให้กับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในช่วง 3Q65 ได้ราว 500-800 คัน และ 4Q65 อีกราว 1 พันคัน ตามแผนการได้รับสัมปทานเดินรถของ SMB และ TSB และต้องจัดเดินรถตามเงื่อนไขภายใน 180 วัน ตามที่ภาครัฐกำหนด

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ผู้บริหารเผยความคืบหน้ารถบรรทุกไฟฟ้า (E Truck) ซึ่งคาดจะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดในช่วงปลาย 3Q65-4Q65 นอกจากนี้ ยังมีต้นแบบหัวรถจักรไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาออกสู่ตลาดในระยะถัดไป

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 65 สะท้อนมุมมอง E-BUS ใหม่

ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพื่อสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ E-Bus โดยฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มสมมติฐานส่งมอบบ E-Bus ในปี 2565-66 ขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 พันคัน และ 1.5 พันคัน จากเดิม 300 คัน และ 400 คัน ตามลำดับ และในระยะยาวกำหนดให้มีการเติบโตเฉลี่ยต่อเนื่อง 3% ในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรปกติปี 2565-66 เพิ่มขึ้น 10.8% และ 13.0% จากเดิมมาอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท และ 7.2 พันล้านบาท ตามลำดับ และส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ของธุรกิจ E-Bus เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.0 บาท/หุ้น (เดิม 3.0 บาท/หุ้น)

EA แนะนํา SWITCH

ราคาปัจจุบัน (บาท) 83.00

ราคาเป้าหมาย (บาท) 65.00

Upside (%) -21.7

Dividend yield (%) 0.4

- Advertisement -