บล.เอเซีย พลัส:

แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อยังเติบโตได้ดี

ASK ตั้งเป้าหมายสินเชื่อสุทธิเติบโตต่อเนื่องในปี 2565-66 ที่ 20%/ปี ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังเปิดเมืองหนุน แนวโน้มความต้องการใช้รถบรรทุกมากขึ้น และลูกหนี้กลุ่มท่องเที่ยวฟื้นตัว ในขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะกระทบ ASK จำกัด เพราะพึ่งได้รับการปรับเรทติ้งเป็นระดับ A จาก Fitch และจะเน้นสินเชื่อ High yield เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนมากขึ้น

คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 23% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อเติบโต 19% yoy ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่องทั้ง qoq และ yoy จากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่อง ชดเชยแนวโน้ม credit cost ที่ยังทรงตัวสูง แม้มองว่าการตั้งสำรองหนี้สูญฯ ลดลง แต่ยังมีเรื่องเงินเฟ้อที่อาจกดดันแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้บ้าง กำหนด FV ที่ 43 บาท ราคาหุ้นปรับฐานรับความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้ว Valuation น่าสนใจ มีค่า PER ที่ 13 เท่า คงคำแนะนำซื้อ

เดินหน้าปล่อยสินเชื่อเชิงรุกต่อเนื่องในปี 2565-66

ASK ยังคงเป้าสินเชื่อสุทธิปี 2565-66 เติบโต 20% yoy/ปี สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าปี 2565 จะเติบโต 19.0% yoy สู่ระดับ 6.6 หมื่นล้านบาท จากแนวโน้มความต้องการใช้รถบรรทุกที่เติบโตต่อเนื่อง ตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งในอุตสาหกรรมการเกษตรที่เห็นราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้น เช่น ข้าว น้ำตาล ปาล์ม และ อุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว ในขณะที่กลุ่มขนส่ง (Logistics) จะทรงตัว เนื่องจากมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ในขณะที่ปี 2566 ฝ่ายวิจัยคาดสินเชื่อจะเติบโต 15.7% yoy มาที่ 7.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยังให้น้ำหนักฐานการเติบโตที่สูงใน 1-2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีการแข่งขันสูงขึ้นหลังผู้เล่นใหม่หลายรายเข้ามาปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการทำการตลาดใหม่ โดยวางระบบ Software dealer website มาทดแทนการเดินเข้าไปหาลูกค้าที่เต้นท์รถโดยตรง ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจะดีขึ้น อีกทั้งได้เริ่มสนใจและศึกษาการปล่อยสินเชื่อรถไฟฟ้า (EV car) ที่เป็นตลาดใหม่ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากในอนาคต นอกจากนี้ ASK มีแผนรองรับโดยการเพิ่มน้ำหนักสินค้าที่มี High yield สูง เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียน โดย ณ สิ้นงวด 2Q65 มีสินเชื่อจำนำ ณ ทะเบียนอยู่ราว 2.9 พันล้านบาท (5% ของสินเชื่อรวม แบ่งเป็นแบบโอนเล่ม 1.8 พันล้านบาท และไม่โอนเล่ม 1.1 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น 80-100% yoy มาสู่ระดับ 4.0 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 (คิดเป็น 7% ของคาดการณ์สินเชื่อสุทธิปี 2565)

สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ประเมินว่า ASK จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากพึ่งได้รับการปรับเครดิตเรตติ้งจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch rating) ประเมินอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) มาเป็น A จากเดิม BBB+ ถือว่าจะช่วยให้ Cost of fund ให้ลดลงบ้าง เนื่องจากกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงราว 0.9% จากเดิม (ยังไม่รวมการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.ราว 0.5%) เบื้องต้น ASK ได้เริ่ม Refinance ใหม่ โดยออกหุ้นกู้ (Debenture) ระยะสั้น 6 เดือน ไปบ้างแล้วและมีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มระยะยาวตั้งแต่เดือนตุลาคม 65 เป็นต้นไป ทั้งนี้ผลบวกดังกล่าวจะทยอยรับรู้ในช่วง 1-2 ปี ข้างหน้า โดยหนี้สินที่จะครบกำหนดใน 2H65 จำนวน 7.0 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ASK จะได้ประโยชน์จากการกู้ใหม่สุทธิราว 9 ล้านบาทในปีนี้ หรือคิดเป็น 0.6% ของประมาณการกำไรปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมิน ในขณะที่ปี 2556 มีหนี้สินที่จะครบกำหนดจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท จะได้ประโยชน์จากการกู้ใหม่ราว 85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.0% ของประมาณการกำไรปี 2566

โดย ASK ตั้งสำรองส่วนเกิน (Management Overlay) ใน 1H65 ทั้งสิ้น 116 ล้าน (1Q65 ตั้ง 86 ล้านบาท และ 2Q65 ตั้ง 30 ล้านบาท) จากความเสี่ยงจากกลุ่มลูกหนี้ในกลุ่มท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวล่าช้า ทำให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit losses) งวด 1H65 อยู่ที่ 599 ล้านบาท ทั้งนี้สัดส่วน NPL/TL ณ สิ้นงวด 2Q65 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.68% จาก 2.50% ในงวด 1Q65 (ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่จะให้ NPL/TL อยู่ต่ำกว่า 3.00%) โดยลูกหนี้ที่ได้การช่วยเหลือตั้งแต่ต้นปี 2565 มีสัดส่วน 5% ของพอร์ตสินเชื่อสุทธิ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ASK จะตั้งสำรองลดลงใน 2H65 จากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวจากการเปิดเมืองและนักท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว หนุนลูกหนี้กลุ่มท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ASK ยังไม่มีแผนที่จะกลับรายการตั้งสำรองกลับมา เพราะยังความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันสูงขึ้นกดดันความสามารถในการชำระหนี้อยู่บ้าง

ทิศทางกำโรเติบโตต่อเนื่องใน 2H65

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565-66 จะเติบโต 23.2% และ 14.7% yoy มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท และ 1.7 พันล้านบาท ตามลำดับ หนุนจากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2565-66 เพิ่มขึ้น 19.0% yoy และ 15.7% yoy ตามลำดับ

ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่องจากงวด 2Q65 หนุนจากความต้องการใช้รถบรรทุกมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้ม credit cost ยังทรงตัวสูงตามการแม้มองว่าการตั้งสำรองหนี้สูญฯจะลดลง แต่ยังมีปัญหาภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นที่อาจจะกดดันแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้ให้ต่ำลงได้

ราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงไปมากแล้ว…ยังแนะนำซื้อ

กําหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 43 บาท อิง PBV 2.25 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE เฉลี่ย 17.0% ให้น้ำหนักการเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเชิงรุกต่อเนื่องอีก ทั้งมองว่าราคาหุ้นปรับฐานรับความเสี่ยงเกี่ยวกับราคาน้ำมันแพงและทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะกดดันธุรกิจไปมากแล้ว จึงยังแนะนำซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1. สินเชื่อสุทธิเติบโตต่ำกว่าคาดจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และกำไรสุทธิของ ASK

2. คุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มการเกิด NPใหม่ๆ

3. อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

4. กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ

ASK แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 35.75

ราคาเป้าหมาย (บาท) 43.00

Upside (%) 20.3

Dividend yield (%) 3.9

 

- Advertisement -