Our View? “ฟื้นตัวตามภูมิภาค..”

คาดตลาดวันนี้ “ฟื้นตัว” มองแนวรับที่บริเวณ 1,620 / 1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,635 / 1,640 คาดอาจเห็นแรงซื้อกลับตลาดในภูมิภาค หลังเมื่อวานนี้ตลาดปรับตัวลงจากจิตวิทยาเชิงลบในแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย และคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อไป และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ภาพทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว อีกทั้งทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐในระยะถัดไปคาดมีโอกาสเผชิญเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่อง หาก FED ยังคงเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทำให้เรามองว่าตลาดจะไม่รับคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่มากเกินไป โดยล่าสุด CME FED Watch Tools ยังคงบ่งชี้ตลาดยังให้น้ำหนักกับการที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% โดยยังไม่มีการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 1.00% ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปี-ปีหน้ายังทรงตัวอยู่ระดับ 3.75-4.00% ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนว่า Room ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED เริ่มแคบลงต่อเนื่อง และมีโอกาสที่ตลาดจะผ่อนคลายประเด็นดังกล่าวได้ในระยะถัดไป คาดจะหนุนทิศทางตลาดฟื้นตัวกลับขึ้นได้

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้น +3.95 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 97.01 ดอลลาร์/บาร์เรล (+4.24%) จากแนวโน้มการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ในการประชุม OPEC+ วันที่ 5 ก.ย. นี้ หลังซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวก่อนหน้า หาก อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง อีกทั้งยังต้องติดตามการจัดประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานของสหภาพยุโรป (EU) จากความกังวลปัญหาดังกล่าวรุนแรงมากขึ้นในช่วงปลายปีตามความต้องการพลังงานที่สูงขึ้นในช่วงหน้าหนาว เรามองปัจจัยดังกล่าวจะกระตุ้นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ถ่านหินปรับตัว ขึ้นได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังที่จะได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยเดือน ก.ย. นี้ คาดจะมีการเพิ่มจํานวนเที่ยวบินจากจีนเข้าไทยที่ 3 เที่ยว/สัปดาห์ เป็น 15 เที่ยว/สัปดาห์ เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ระดับ 10 ล้านคน คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยเรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H65 หนุนการ บริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ระมัดระวังแรงขายหุ้นในกลุ่มลีสซิ่งหลัง ธปท. และ สศค. เตรียมยกร่างพระราชกฤษฎีกา คุมธุรกิจ “เช่าซื้อ-ลีสซิ่ง” โดยเป็นการเพิ่มอำนาจให้ ธปท. เข้าท่ากับธุรกิจดังกล่าวได้ คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบ กดดันหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงได้ (MTC, SAWAD และ TIDLOR)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม “BJC” แนวรับ 32.00 / 31.00 Target 35.00 / 38.00 Stop <30.50

เก็งกำไร “ASIAN” แนวรับ 17.30 / 17.00 Target 18.50 / 19.30 Stop <I7.00

- Advertisement -