ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

รีบาวด์ แต่ไปไม่ไกล

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคารรีบาวด์ แต่ยังไปไม่ไกลและภาพใหญ่น่าจะไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากประธานเฟด Jerome Powell ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป และยังไม่มีท่าทีชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงหลายเดือนจากนี้ ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่อตลาดหุ้นถือว่าเป็นกลาง กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงต่อเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ล่าสุดสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนัก 70% ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 21 ก.ย. ii) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว 4.27% และน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากตลาดมองว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่ OPEC+ จะประกาศลดปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 5 ก.ย. นี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่อิหร่านอาจสามารถส่งออกน้ำมันเพิ่มได้ หากสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับฝั่งตะวันตกได้….. ด้านปัจจัยภายในประเทศ เมื่อวานนี้ ก.คลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. พบว่าเครื่องชี้การใช้จ่ายบริโภคและภาคการท่องเที่ยวยังคงเติบโตโดดเด่น น่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยและจำกัดความเสี่ยงทางลงของตลาด

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร BLA*, SCB*, PTG*

  • BLA* (เป้า Consensus 51.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 35.75 บาท / แนวต้าน 37.75 – 39.25 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 43 บาท (Stop loss 35 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นขาขึ้น (Sentiment บวกต่อ Bond yield) ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 2565 – 66 โต 33.5% YoY และ 22.5% YoY ตามลำดับ 3) Valuation ไม่แพง Forward PE +/- 16 เท่า และ PBV 1.45 (คิดเป็นราว -0.5 เท่า ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 150 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 107.5 บาท และ 105 บาท / แนวต้าน 115 – 117 บาท (Stop loss 103 บาท) 2) ประเมินกรณียกเลิกการเข้าซื้อหุ้น Bitkub มีโอกาสเป็นบวกต่อการจ่ายเงินปันผลเพิ่มจากประมาณการปัจจุบันที่ 4.0 บาท/หุ้น (Yield >3.7%) 3) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2H65 ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น 4) PBV 0.82 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงที่ตลาดฯ กังวลเรื่องดีลการลงทุนใน Bitkub ทำให้คาดมีโอกาสฟื้นตัว
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 14.8 บาท / แนวต้าน 15.6 – 15.8 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 16.5 บาท (Stop loss 14.8 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H65 โต HoH จากค่าการตลาดที่ฟื้นตัว + ปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3) Catalyst บวกจากการ IPO บ.ลูก 2 ตัว i) ธุรกิจ LPG คาดเตรียมยื่นไฟลิ่งภายใน 3Q65 นี้ และตั้งเป้าเข้าเทรดภายใน 1H66 ii) บ.ลูก ธุรกิจไบโอดีเซลทำการยื่นไฟลิ่งไปแล้ว คาดเตรียมเข้าเทรดต่อจากธุรกิจ LPG (รอภาพรวมอุตสาหกรรมไบโอดีเซลดีกว่านี้) 4) Forward PE 15.4 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต

หุ้นมีข่าว

(0) กสทช. แจงส่ง “กฤษฎีกา” ตีความ เหตุดีล TRUE – DTAC ใหญ่เกินตัว (กรุงเทพธุรกิจ) กสทช.แจง ประเด็นขอนายกฯ ช่วยสั่งกฤษฎีกาตีความอำนาจพิจารณาดีลทรูควบดีแทค เพราะถือเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือทางกฎหมาย จำเป็นต้องอาศัยคำชี้แนะเพื่อประกอบการพิจารณาดีลควบรวมธุรกิจใหญ่มาก มีผลกระทบหลายมิติ ต่อโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ สังคม ด้าน “กลุ่มพลเมือง เสรีภาพฯ” ทำหนังสือตำหนิการทำงาน กสทช. ทั้งที่ตัวเองมีกฎหมายเฉพาะในมือใช้กำกับดูแล

(-) หุ้นกลุ่มลีสซิ่งสะเทือนทั่ว ร่างพรฎ. ธปท. รวบอำนาจ เฮียริ่งเสร็จพรุ่งนี้ คุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ (ข่าวหุ้น) หุ้นกลุ่มลีสซิ่งพากันร่วงระนาว หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระโดดเข้าคุมธุรกิจเต็มตัว ออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เปิดรับฟังความคิดเห็นผู้ประกอบการ เผยแล้วเสร็จวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ด้านผู้บริหารธปท.เผยต้องการให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับเหมาะสม โบรกฯ แนะเบื้องต้นไฟแนนซ์ห้องแถว ดีลเลอร์จักรยานยนต์ที่ปล่อยกู้เองอ่วมแน่ ส่วนบริษัทลีสซิ่งในตลาดหุ้นจะเป็นผลกระทบต่อไป

(+) SAPPE ผนึก WORK ตั้งบ.ร่วมทุน WOPE บุกอาหารเครื่องดื่ม (ข่าวหุ้น) SAPPE จับมือ WORK จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “WOPE หรือ โวป” ลุยทำตลาดรูปแบบใหม่ Eatertainment ผ่านอาหารและเครื่องดื่ม ประเดิมบุกตลาดกาแฟ วางเป้ายอดขายปีแรก 200 ล้านบาท ฟากซีอีโอ SAPPE อัพเป้ายอดขายปีนี้โต 30% ลุยออกสินค้าใหม่ ส่วน WORK คาดปีนี้รายได้ 2,200-2,500 ล้านบาท มองครึ่งหลังเม็ดเงินโฆษณาเริ่มฟื้น

(+) WHA* ลุ้นกำไรนิวไฮ เพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1.65 พันไร่ (กรุงเทพธุรกิจ) รับ “จีน-ญี่ปุ่น-ยุโรป สหรัฐ” ย้ายฐานผลิตมาไทย WHA* ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 1.65 พันไร่ จากเดิม 1.25 พันไร่ หลังนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น สะท้อนผ่าน “จีน-ญี่ปุ่น-ยุโรป-สหรัฐ” ย้ายฐานผลิตมาไทย

(+) IIG ปักธงรายได้ปีนี้ 950 ล้าน ตุนแบ็กล็อก 400 ล้าน ลุ้นปิดดีล M&A ปลายปี (ข่าวหุ้น) IIG มั่นใจรายได้ปีนี้โต 950 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 400 ล้านบาท เตรียมชงที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติลงทุน LANSING มูลค่า 331 ล้านบาท วันที่ 12 ต.ค.นี้ พร้อมวางเป้ารายได้พุ่ง 2,000 ล้านบาท ในปี 67 แย้มมี ดีล M&A อีก 2-3 ดีล ลุ้นได้ข้อสรุปปลายปีนี้

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดขายทำกำไร KBANK (Trailing stop 154 บาท) COM7* (Trailing stop 33.25 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 12.7 บาท / แนวต้าน 13.1-13.4 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 12.7 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.6 บาท / แนวต้าน 14.0-14.2 บาท (Trailing stop 13.6 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 16.0 บาท / แนวต้าน 16.9-17.3 บาท (Trailing stop 15.8 บาท)
  • EPG* (เป้า Consensus 12.25 บาท) แนวรับ 9.65 บาท / แนวต้าน 10.0-10.2 (Stop loss 9.5 บาท)
  • CPALL (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 60 บาท / แนวต้าน 62-63 บาท (Stop loss 60 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) แนวรับ 6.05 บาท / แนวต้าน 6.5-6.75 บาท (Stop loss 6.0 บาท)
  • ILM (เป้าพื้นฐาน 21.5 บาท) แนวรับ 18.2 บาท / แนวต้าน 19.0-19.5 บาท (Stop loss 18.1 บาท)
  • MAJOR (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 19.0 บาท / แนวต้าน 19.6-19.9 บาท (Stop loss 19.0 บาท)
  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) แนวรับ 2.42 บาท / แนวต้าน 2.56-2.64 บาท (Stop loss 2.36 บาท)
  • CRC* (เป้า Consensus 43.2 บาท) แนวรับ 39 บาท / แนวต้าน 40.5-41.5 บาท (Stop loss 39 บาท)
  • CHAYO (เป้า Consensus 17.2 บาท) แนวรับ 10.7 บาท / แนวต้าน 11.1-11.5 บาท (Stop loss 10.6 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.6-19.0 บาท (Stop loss 17.8 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลยุทธ์การลงทุน: ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5% จะไม่มีผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปรับขึ้นค่อนข้างน้อย และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม คาดว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์ และอาหาร จะได้รับผลกระทบทางลบบ้างแต่จะบริหารจัดการได้ ทั้งนี้บริษัทที่ได้รับกระทบมีสัดส่วนกำไรต่ำต่อภาพรวมกำไร บจ. ดังนั้น ผลกระทบต่อกำไรของตลาดในภาพรวมน่าจะน้อยมาก ขณะที่ในเชิงบวกนั้น การปรับขึ้นค่าแรงน่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคระดับล่าง และน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม non-bank และหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น AEONT, SINGER, TK, NCAP, JMT, CHAYO, SNNP
- Advertisement -