บล.บัวหลวง:

Ngern Tid Lor (TIDLOR TB/TIDLOR.BK)

TIDLOR – ความเสี่ยงเล็กน้อยจากกฏระเบียบของสินเชื่อเช่าซื้อ

TIDLOR จะเร่งตัดจำหน่ายและจัดการกับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในครึ่งหลังของปี 2565 ปัจจุบันเราคาดการตั้งสำรองที่ 1.1 พันล้านบาท สําหรับปี 2565 เพิ่มขึ้น 40% จากที่เราคาดก่อนหน้า ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลง 6.2% มาเหลือ 3.7 พันล้านบาท (เติบโต 17% YoY) และปรับราคาเป้าหมายลงจาก 47 บาท มาเหลือ 40 บาท (อิงจาก PBV ที่ 3.8 เท่า) อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มการเงิน เนื่องจากปัจจัยด้านกฏระเบียบมีความเสี่ยงต่อกำไรของบริษัทเพียงเล็กน้อย ซื้อ!

ปรับขึ้นการตั้งสํารองปี 2565

ปัจจุบันเราคาดบริษัทจะตั้งสำรองที่ 1.1 พันล้านบาทสำหรับปี 2565 อิงจากความเสี่ยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 140bps (ก่อนหน้าเราคาดที่เพียง 768 ล้านบาท หรือ 100bps) เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง เราคาดสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่ 1.8% เทียบกับที่คาดก่อนหน้าที่ 1.4% หนี้เสียปรับตัวขึ้น QoQ ทั้งในไตรมาส 1/65 และ 2/65 เราคาดว่า TIDLOR จะยังคงอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ที่ 300% (สิ้นเดือน มี.ค. 2565 อยู่ที่ 270% ลดลงจาก 317% ของสามเดือนก่อนหน้า) สังเกตว่าผู้บริหารปรับขึ้นความเสี่ยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ขึ้นไปอยู่ที่ 1.9% จาก 1.5% และยังคงเป้าหมายสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่ 2% ขณะที่เราคาดบริษัทเร่งตัดจําหน่าย และจัดการกับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในครึ่งหลังของปี 2565

สินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่โตแกร่งอย่างต่อเนื่อง

สินเชื่อเติบโตอยู่ที่ 15% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงไตรมาส 2/65 โดยเราคาดสินเชื่อจะขยายตัว 25% YoY ไปอยู่ที่ 7.68 หมื่นล้านบาทในปี 2565 (ตรงกับเป้าหมายของผู้บริหารที่เติบโต 23-28% YoY) หนุนมาจากการขยาย สาขาและจำนวนบัตรเงินติดล้อที่มากขึ้น (และขนาดธุรกรรมเฉลี่ยที่สูงขึ้น) โดยคาดจะมีจํานวนสาขาราว 1,550 – 1,600 สาขาภายในสิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 1,286 สาขา ณ สิ้นปี 2564 โดยครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทได้เปิดสาขาเพิ่มแล้ว 198 สาขา นอกจากนี้ TIDLOR น่าจะรายงานรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน  หนุนมาจากการเติบโตของยอดขายประกันพรีเมียม (เราคาดโต 30% YoY) หนุนมาจากการขยายสาขาและแพลตฟอร์มไอที อารีเกเตอร์ (ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน)

ความเสี่ยงเล็กน้อยจากกฏระเบียบของสินเชื่อเช่าซื้อ

เราปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลง 6.2% มาอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท (เติบโต 17.1% YoY) เนื่องจากปัจจุบันเราคาดความเสี่ยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 140bps (ก่อนหน้าเราคาดเพียง 768 ล้านบาท หรือ 100bps) ดังนั้นราคาเป้าหมายของเรา ณ สิ้นปี 2565 จึงลดลงจาก 47 บาท มาเหลือ 40 บาท (อิงจาก PBV ที่ 3.8 เท่า โดยมี ROE ที่ 15.3%) แต่จะมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2565 ของเราหากการเติบโตของสินเชื่อ และ/หรือ ยอดขายประกันพรีเมียมที่อาจจะเกินกว่าที่เราคาด

ประชาพิจารณ์ของธปท. สำหรับอุตสาหกรรมลีสซิ่ง/สินเชื่อเช่าซื้อจะจบในวันนี้ โดยเราไม่คาดว่า ธปท. จะตั้งเพดานดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการสินเชื่อเช่าซื้อในอีก 2-3 สัปดาห์หน้า และหากมีการตั้งเพดานดอกเบี้ยจริง เรามั่นใจว่าจะอยู่ที่สูงกว่า 15% ดังนั้น TIDLOR จะได้รับผลกระทบจากกฏระเบียบของอุตสาหกรรมลีสซิ่ง/สินเชื่อเช่าซื้อน้อยมาก เนื่องจากธุรกิจเช่าซื้อของบริษัทมีสัดส่วนในพอร์ตที่น้อยกว่า 1% ทั้งนี้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นเพียงสินเชื่อรูปแบบเดียวที่คิดอัตราดอกเบี้ยเกิน 15% (และอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทใช้สําหรับสินเชื่อเช่าซื้อในปัจจุบันนั้นไม่เกิน 15% อยู่แล้ว)

- Advertisement -