ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ปรับลดลงแต่ไม่ลงแรง ฟันด์โฟลว์ยังช่วยจำกัดความเสี่ยง

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับลดลง แต่ไม่ลงแรง… ภาพตลาดน่าจะคล้ายกับเมื่อวานนี้ ซึ่งปัจจัยภายนอกเป็นลบและกดดันจิตวิทยาตลาดในภาพรวม แต่ฟันด์โฟลว์ยังแรงและช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงของตลาดหุ้นเอาไว้…. ส่วนปัจจัยต่อตลาดหุ้นในวันนี้เป็นลบเล็กน้อย กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากตัวเลขสำรวจการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เพียง 1.32 แสนคน (ต่ำกว่าที่ consensus คาดที่ 2.68 แสนคน) ขณะที่ผู้ว่าการเฟดสาขา Cleveland ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยเฟดควรปรับขึ้นไปเหนือ 4.0% ภายในต้นปี 2566 และน่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยตลอดปี 2566 ซึ่งความเห็นดังกล่าวส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งแรงเมื่อคืนนี้ และน่าจะถ่วงภาวะตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ ii) หุ้นกลุ่มพลังงานอาจถูกกดดันต่อ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงอีก 3.7% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนกลับมาอีกครั้ง ตามข่าวทางการจีนล็อกดาวน์หลายเมืองในมณฑลเสิ่นเจิ้น และกวางโจว ทั้งนี้ตลาดกำลังตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 5 ก.ย. ว่าจะมีการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่… ด้านปัจจัยภายในประเทศ เมื่อวานนี้ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ยังเห็นการฟื้นตัวแข็งแกร่งของรายได้ภาคเกษตร การบริโภคส่วนบุคคล และตัวเลขนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งน่าจะหนุนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งกว่าต่างประเทศ และช่วยหนุนฟันด์โฟลว์เข้าตลาดหุ้นไทย + ช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลงของ SET Index

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

 เก็งกำไร BAFS, TFG, SCB*

  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 28.25 บาท / แนวต้าน 29 – 30 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 32 บาท (Stop loss 27.5 บาท) 2) จาก Opportunity day ล่าสุด ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาเฉลี่ย +/ 9 ล้านลิตรต่อวัน (เกินจุดคุ้มทุนที่ 8.3 ล้านลิตรต่อวันแล้ว) และคาดจะเริ่มพลิกมีกำไรสุทธิใน 4Q65 3) ราคาหุ้น Laggard AOT* / Valuation ถูกกว่า โดย PBV 3.9 คิดเป็นราว +0.75 เท่า ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต ขณะที่ AOT* มี PBV 10 เท่า คิดเป็น +2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.1 บาท / แนวต้าน 6.5 – 6.75 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 7.0 บาท (Stop loss 6.0 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก FTA เขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ-ไทย โดยคาดจะเป็นบวกต่อการส่งออกเนื้อไก่ในอนาคต (อาหารฮาลาล) ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ที่ใหญ่ของการส่งออกเนื้อไก่ไทยจากเดิมที่เน้นตลาดยุโรป – ญี่ปุ่น 3) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 โตเด่นต่อเนื่องจาก 2Q65 จากการเป็น High season ส่งออกอาหาร ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ทั้งหมู ไก่ ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาด Demand เนื้อสัตว์มาจากการเปิดประเทศในหลายประเทศทั่วโลกปลายปีนี้ 4) Forward PE 8.1 เท่า ขณะที่คาดกำไรปีนี้โต >700% YoY เป็น 4.7 พันล้านบาท
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 150 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 108.5 บาท / แนวต้าน 115 – 117 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 123 บาท (Stop loss 105 บาท) 2) ประเมินกรณียกเลิกการเข้าซื้อหุ้น Bitkub มีโอกาสเป็นบวกต่อการจ่ายเงินปันผลเพิ่มจากประมาณการปัจจุบันที่ 4.0 บาท/หุ้น (Yield >3.7%) 3) ประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และคาดมีการปรับเป้าหมาย NIM ขึ้น 4) PBV 0.83 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานในอดีต) เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงที่ตลาดฯ กังวลเรื่องดีลการลงทุนใน Bitkub ทําให้คาดมีโอกาสฟื้นตัว

หุ้นมีข่าว

(0) ซีพี ยื่นซื้อธุรกิจค้าส่งอินเดีย เมโทรแคชฯ มูลค่า 3.6 หมื่นล. (กรุงเทพธุรกิจ) “เครือเจริญโภคภัณฑ์” ยื่นประมูลซื้อธุรกิจค้าส่งอินเดีย “เมโทร แคชฯ” มูลค่า 3.6 หมื่นล้าน ด้านนักวิเคราะห์ประเมิน หากเข้าซื้อกิจการจริง อาจให้ MAKRO เป็นผู้ซื้ออาจกู้เงินมากกว่าการเพิ่มทุน

(+) SCB* จ่อขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ทุก 0.25% ดันกำไรพุ่ง 1.7% (ข่าวหุ้น) SCB ปรับเพิ่มเป้า NIM ครึ่งปีหลัง เป็น 3.1-3.2% จากเดิม 2.9-3.0% รับกนง.เตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 28 ก.ย.นี้ โบรกฯ มองแบงก์ อั้นไม่อยู่ต้องปรับตาม ส่งผลดีต่อกำไรสุทธิ ชี้ดอกเบี้ยขึ้นทุกๆ 0.25% ส่งผลต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1.7% ด้าน “ไทยพาณิชย์ โพรเทค” นายหน้าประกันชีวิต-วินาศภัยในกลุ่ม SCB ลั่น! ปีนี้นำส่งรายได้ กำไรเติบโตมากกว่า 200%

(+) SAWAD* ผนึก “ซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล” ปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลเกษตร 1.2 พันล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น” ผนึกกลุ่ม “ซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล” ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สำหรับงานเกษตรกรรมครบวงจรระดับโลก ออกแคมเปญสินเชื่อใหม่เพื่อเครื่องจักรกลการเกษตร ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 1,200 ล้านบาท เล็งเจาะกลุ่มเกษตรกรรายใหม่ มั่นใจสินเชื่อช่วยหนุนยอดขายเครื่องจักรกลการเกษตรภายใต้แบรนด์ นิว ฮอลแลนด์ พร้อมจุดพลุเริ่มแคมเปญผ่านตัวแทนจำหน่ายซีเอ็นเอช และที่ศรีสวัสดิ์ทุกสาขาทั่วไทย ตั้งแต่ ก.ย.นี้

(+) IP บุกลงทุนร้านยาเต็มที่ ดันผลงาน 9 เดือนโตโดด (ทันหุ้น) IP จ่อบุ๊กยอดขาย “Lab Pharmacy” ใน ไตรมาส 3/2565 เต็มเหนียว ดันงบ 9 เดือนโตก้าวกระโดด ส่วนโรงงานโมเดิร์นฟาร์มา พลิกเป็นบวกแล้ว แย้มเจรจารับออเดอร์ OEM ปตท. คาดสรุปในไตรมาส 3/2565 หวังกวาดรายได้ปีละ 50 ล้านบาท รุกขยายสาขาร้านขายยารักษาโควิดเพิ่ม

(+) BAFS กล่าวว่าธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานได้เริ่มกลับมามีกำไรตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป (ข่าวหุ้น) ความคิดเห็น: บริษัทประเมินจุดคุ้มทุนของธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานไว้ที่ 8.3 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS ในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 9.0 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทใน 3Q65 จะยังคงมีผลขาดทุนสุทธิจากธุรกิจขนส่งน้ำมันผ่านท่อ แต่เราคาดว่าผลขาดทุนสุทธิจะดีขึ้น QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานที่ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BAFS ที่ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 36.50 บาท ซึ่งเรามองว่า BAFS จะเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดขายทำกำไร COM7* (Trailing stop 33.5 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 12.7 บาท / แนวด้าน 13.1-13.4 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 12.7 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.7 บาท / แนวต้าน 14.2-14.5 บาท (Trailing stop 13.6 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 15.9 บาท / แนวต้าน 16.5-16.9 บาท (Trailing stop 15.8 บาท)
  • BLA* (เป้า Consensus 51.75 บาท) แนวรับ 35.5 บาท / แนวต้าน 37.75-39 บาท (Stop loss 35 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) แนวรับ 15.1 บาท / แนวต้าน 15.6-15.9 บาท (Stop loss 14.8 บาท)
  • EPG* (เป้า Consensus 12.25 บาท) แนวรับ 9.6 บาท / แนวต้าน 9.85-10.0 (Stop loss 9.5 บาท)
  • CPALL (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 61 บาท / แนวต้าน 62-63 บาท (Stop loss 60 บาท)
  • ILM (เป้าพื้นฐาน 21.5 บาท) แนวรับ 18.5 บาท / แนวต้าน 19.0-19.5 บาท (Stop loss 18.2 บาท)
  • MAJOR (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 19.0 บาท / แนวต้าน 19.3-19.6 บาท (Stop loss 19.0 บาท)
  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) แนวรับ 2.36 บาท / แนวต้าน 2.50-2.56 บาท (Stop loss 2.36 บาท)
  • CRC* (เป้า Consensus 43.2 บาท) แนวรับ 40 บาท / แนวต้าน 41.5-43 บาท (Stop loss 39 บาท)
  • CHAYO (เป้า Consensus 17.2 บาท) แนวรับ 10.7 บาท / แนวต้าน 11.1-11.5 บาท (Stop loss 10.6 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 18.2 บาท / แนวต้าน 18.6-19.0 บาท (Stop loss 17.9 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • WHA* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน จากการเปิดประเทศ ส่งผลให้ยอดขายที่ดินนิคมฯ ฟื้นตัวขึ้น คาดกำไรปี 2565 – 66 โต +30% YoY และ +16% YoY
  • AMATA แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 21 บาท แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมฯจะฟื้นตัว แต่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 1H65 ทำให้มีความเสี่ยงที่ยอดขายที่ดินปีนี้จะทำได้ไม่ถึงเป้า ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับลดประมาณการฯลงเล็กน้อย คงคำแนะนำ “ถือ” โดยยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมนิคมฯ
  • RATCH* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 41 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นลบเล็กน้อย มี Downside จากความล่าช้าโครงการ Paiton ยังคงแนะนำ “ถือ” โดยประเมินมี Upside ที่จะปรับประมาณการฯ ขึ้น จากการเข้าซื้อกิจการใหม่ อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาหุ้นได้สะท้อนไปพอสมควรแล้ว
- Advertisement -