บล.ทรีนีตี้

ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ – ALL

เพิ่มสัดส่วนรายได้สู่กลุ่มแนวราบ คาดปี 2566 พลิกเป็นกำไร

  • รายงานขาดทุนสุทธิ 2Q65 ที่ 154.3 ล้านบาท ขาดทุนสูงขึ้นจาก 77.4 ล้านบาทใน 1Q65 และพลิกจากกำไรสุทธิที่ 34.9 ล้านบาท ใน 2Q64
  • รายงานรายได้จากการโอนที่ 290.20 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 66.5% QoQ แต่ปรับตัวลดลง 35.3% YoY
  • 2Q65 มี Gross Margin ที่ต่ำกว่าปกติจากการโอน Big Lot แต่คาด Gross Margin ในช่วง 2H65 จะกลับสู่ระดับปกติ
  • คาด 3Q65 ฟื้นตัว QoQ ทั้งยอดโอนและ Gross Margin
  • ปรับคาดการณ์ปี 2565 เป็นขาดทุนสุทธิ 170 ล้านบาท และปรับลดกำไรปี 2566 เป็น 250 ล้านบาท จากการปรับใช้สมมติฐาน Gross Margin ที่ระมัดระวังขึ้น และความล่าช้าในการก่อสร้าง 2 โครงการใหม่
  • ปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.00 บาท/หุ้น อิง P/E TX

2Q65 Earnings Review

  • ALL รายงานขาดทุนสุทธิ 2Q65 ที่ 154.3 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 77.4 ล้านบาท ใน 1Q65 และจากที่มีกำไรสุทธิ 34.9 ล้านบาทใน 2Q64 โดยที่มีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ 290.2 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 66.5% QoQ แต่ปรับตัวลดลง 35.3% YoY
  • Gross Margin ในช่วง 2Q65 อยู่ที่ 3% ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยจาก 1Q65 ที่ระดับ 37.2% เนื่องจาก 2Q65 มีการโอน Big Lot โครงการ The Excel Ratchada 18 ไปทั้งหมด ส่งผลให้มี Gross Margin ที่ต่ำกว่าปกติ
  • ยังคงมีการรับรู้ขาดทุนจากการร่วมทุนที่ 24.3 ล้านบาท จากขาดทุน 17 ล้านบาท ใน 1Q65 และจากขาดทุน 11.4 ล้านบาทใน 2Q64 เนื่องจากปัจจุบันมีการโอนโครงการภายใต้การร่วมทุนโครงการเดียว ได้แก่ โครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50

ปรับลดคาดการณ์ยอดโอนและกำไรปี 2565-2566 ลง

ปรับลดคาดการณ์รายได้จากการโอนปี 2565 ลงจาก 1.77 พันล้านบาท เป็น 1.12 พันล้านบาท ใกล้เคียงยอดโอนปี 2564 โดยปี 2565 มีการเริ่มโอนโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ The Excel Lasalle 17 ในขณะที่เดิมคาดว่าโครงการแนวราบใหม่จะสามารถเริ่มโอนได้ในช่วง 2H65 แต่แผนการเลื่อนออกไปยังปี 2566 แทน และปรับคาดการณ์ยอดโอนปี 2566 ลงสู่ระดับ 1.82 พันล้านบาท เนื่องจากความล่าช้าในการก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ ส่งผลให้ปรับคาดการณ์กำไรปี 2565 จากเดิมที่ 278 ล้านบาท เป็นขาดทุนสุทธิ 170 ล้านบาท และปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 จาก 456 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ALL ยังคงแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 2 โครงการ ใน 4Q65

ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.00 บาท

ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.00 (เดิม 1.33 บาท/หุ้น) จากการปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 ลงมาอยู่ที่ 250 ล้านบาท จาก 456 ล้านบาท โดยยังคงอิงค่า P/E ที่ 7.0X และจาก EPS 2566F ที่ 0.14 บาท/หุ้น

ความเสี่ยง : เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว, เงินเฟ้อระดับสูงที่กดดัน Margin, การแข่งขัน และการลดราคาเพื่อเพิ่มยอดขาย, ลูกค้าต่างชาติยังไม่ฟื้นตัว, มาตรการ LTV

- Advertisement -