Our View? “ไหวไหมบอกมา”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways / Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,612 / 1,609 และแนวต้านที่บริเวณ 1,627 / 1,630 คาดตลาดยังคงอยู่ในโหมด Risk-off จากความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงกว่า 4.00% ไประยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจครอบคลุมไปจนถึงสิ้นปี’66 มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอยื่นสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 2.32 แสนราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง กระตุ้นความกังวล FED เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อีกทั้งเรายังมีความกังวลต่อกระแสเงินทุนส่วนเกินจะลดลงมากขึ้นจากการปรับเพิ่มการลดขนาดงบดุลของ FED ตั้งแต่เดือน ก.ย. นี้จากเดิมที่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เป็น 9.50 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน บ่งชี้กระแสเงินทุนส่วนของในตลาดลดลง ขณะที่ Dollar Index เช้านี้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 109.6 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนความกังวลของตลาดที่มีต่อการคุมเข้มทางนโยบายทางการเงินของ FED รวมทั้งคาดจะกดดันค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่า เป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคอ่อนตัวลงได้ต่อจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่มีโอกาสเบาบางลงไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลดลงต่อ -2.94 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 86.61 ดอลลาร์ (-3.28%) ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลอุปสงค์น้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากจีนเริ่มกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เข้มงวดมากขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีโอกาสประสบความสำเร็จในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดทางไปสู่การกลับมาส่งออกน้ำมันของอิหร่านเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง มองเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงได้ต่อ คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 22% อ่อนตัวลงกดดันภาพรวมตลาดได้

สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยหลัง ปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ –0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อีกทั้งเราแนะนำให้ติดตามค่าเงินบาทปัจจุบันที่อ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 37.00 บาทอีกครั้ง ตามการพลิกกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐ คาดจะส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวลง โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 2.23 พันล้านบาท และอยู่ทางฝั่ง Short SET50 Index Futures กว่า 1.46 หมิ่นสัญญา คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้

ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้

กลยุทธ์

ทยอยซื้อสะสม “CPALL” แนวรับ 60.00 / 59.00 Target 64.50 / 68.00 Stop <59.00

เก็งกำไร “LDC” แนวรับ 1.72 / 1.68 Target 1.86 / 2.04 Stop <1.66

- Advertisement -