KS Daily View 06.09.2022 > OPEC+ ลดกำลังการผลิตต.ค. บวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน/ตลาดหุ้นสหรัฐหยุดวันแรงงาน SET วันนี้ยังคาดแกว่งตัว 1610-1630 จุด หุ้นแนะนำ ESSO,GULF

ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

ต่างประเทศ : เมื่อวานตลาดหุ้นสหรัฐ, ตลาดทองคำ ฯลฯ ปิดทำการเนื่องจากวันแรงงานสหรัฐ  โดยประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ

1.) ผลประชุม OPEC+ เมื่อคืนสรุปมีมติลดกำลังการผลิตของเดือน ต.ค.ลง 1 แสนบาร์เรลต่อวันกลับไปเท่ากับระดับการผลิตในเดือน ส.ค. (Surprise ตลาดจากก่อนหน้าคาดจะยังคงกำลังการผลิต)  KS มองเป็นผลบวกทางจิตวิทยามากกว่าต่อราคาน้ำมันดิบ โดย Brent ปิดที่ US$94.45/bbl (+1.5% DoD) มองบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน PTTEP, PTT,SPRC,ESSO, TOP โดยการประชุม OPEC+ รอบถัดไปจะมีคือ วันที่ 5 ต.ค.

2.) ตลาดหุ้นยุโรป (Stoxx Europe 600 index) ปรับตัวลง -0.6%DoD ,ดัชนี DAX เยอรมัน -2.2%DoD  ส่วนค่าเงินยูโรอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีที่ 0.9879/USD หลังรัสเซียหยุดซ่อมท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 แบบไม่มีกำหนดทำให้ราคาก๊าซที่ยุโรปวานนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 10%

3.) ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราการสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์เหลือ 6% จาก 8% เพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินหยวน (-8.4% YTD อยู่ที่ 6.94 หยวน/USD) KS ประเมินธนาคารกลางจีนเป็นการส่งสัญญาณว่าไม่ต้องการให้เงินหยวนอ่อนค่าไปมากกว่านี้

ในประเทศ: SET Index เมื่อวานยังแกว่งตัวปิดที่ 1622  จุด โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีหลักๆ คือ กลุ่มหุ้นที่มีธุรกิจอิงยุโรป อาทิ KCE, CRC , MINT จากความกังวลโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป  รวมถึงกลุ่มมีธุรกิจเกี่ยวข้องในจีน อาทิ  SCGP, CBG,  EKH ล่าสุด รัฐบาลจีนยังขยายพื้นที่ Lockdown เพื่อคุม Covid ล่าสุด เมืองกุ้ยหยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว (เป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่ง) โดยรวม KS แนะนำประเมิน 2 กลุ่มดังกล่าว คาดยัง Underperform ในช่วงนี้  ส่วนกลุ่มที่ Outperformตลาดเมือวานหลักๆ คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิ BBL KTB  KKP ฯลฯ ปรับขึ้นก่อนที่จะขึ้น XD วันพรุ่งนี้ 7 ก.ย. รวมถึงเมื่อวานมีการรายงานเงินเฟ้อไทย เดือน ส.ค. +7.86%YoYต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แต่สูงขึ้นเมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ก.ค. อยู่ที่ +7.61%YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค. +3.15% YoY และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ +2.99%YoY KS  ยืนยันมุมมองของทางกสิกรที่คาดว่า กนง. มีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง จากระดับปัจจุบันที่ 0.75%ในการประชุมที่เหลืออีก  2 ครั้งในปีนี้ คือ รอบ 28 ก.ย. และ 30 พ.ย.  ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นประเมินเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุก 25bps จะหนุนกำไรสุทธิของธนาคารใหญ่เพิ่มขึ้น 6-8% และเป็น upsides ต่อกำไรปี 2023 ของธนาคาร  BBL, KTB, SCB ราวๆ +7%, BAY +5%, TTB และ KKP +1% ส่วน TISCO จะกระทบ -2%

ประเด็นที่ต้องติดตาม

ต่างประเทศ : ปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์นี้เชื่อว่าติดตามตัวเลขส่งออก นำเข้าของจีนเดือน ส.ค.ในวันพรุ่งนี้คาด +11.7% YoY และ +0.7% YoY ตามลำดับ และการแสดงความเห็นการดำเนินนโยบายการเงินของประธาน Fed สาขาต่างๆ

ในประเทศ : ประเด็นที่ต้องติตตามคือ 7 ก.ย.

1.) ติดตาม”ศาลปกครอง” นัดพิพากษาคดี BTS ยื่นฟ้อง กทม.ผิดสัญญาการให้บริการโครงการสายสีเขียว โดย BTSC ยื่นศาลปกครองกลางฟ้อง กทม. และ KT กรณีติดค้างหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเป็นการฟ้องในส่วนของสัญญาจ้างเดินรถที่มีมูลหนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ยังไม่ได้รวมหนี้ในส่วนของสัญญาการจ้างก่อสร้างงานระบบเดินรถและอาณัติสัญญาณอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นฟ้องต่อไป

2.) ติดตาม Apple จะเปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 ก.ย. นี้ โดยอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ COM7, SYNEX, SPVI, และ  CPW

3.) ทิศทางการปรับขึ้นราคาสินค้า ล่าสุด All Cafe เครื่องดื่มกาแฟสดของ 7-11  ชี้ต้นทุนพุ่งสูงจำเป็นปรับขึ้นราคาเมนูละ 5 บาท ทุกรายการ มีผล 24 ก.ย. 2565 โดย นวค. KS ประเมิน Net impact ต่อกำไรของ CPALL +80ลบ/ไตรมาส หรือ 320 ลบต่อปี หรือ 1.6% upside ต่อกำไรปี 2023 ในส่วนของ OR หากปรับราคาขายตาม 5 บาท/แก้ว จะเพิ่มกำไร 360 ล้านบาท/ไตรมาส คืดเป็น 9% upside ต่อกำไรปี 2023

4.) ติดตาม 8 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมพิเศษเพื่อพิจารณาคดีวาระดำรตำแหน่งของนายก 8 ปี ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานรัฐโดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารที่ได้ปรับตัวลงมา  ขณะที่หุ้นสัมปทานรัฐกลุ่มอื่นๆ เช่น รับเหมา และโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นหลังต้นทุนหลักคือราคาสินค้าโภคภัณฑ์เร่ิมปรับตัวลงมา

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1610-1630 จุด หุ้นแนะนำ ESSO, GULF 

Top pick :    

ESSO (ราคาพื้นฐาน  12.5 บาท) แนะนำเก็งกำไรเนื่องจาก

1.) เราคาด GRM จะปรับเพิ่มในไตรมาส 4/65 จากส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นในฤดูหนาวและพรีเมียมน้ำมันดิบที่ลดลงจากการลดอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในภูมิภาค

2.) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบเมื่อคืน +1.5% DoD หลัง OPEC+ ลดกำลังการผลิต  1 แสนบาร์เรลต่อวัน

3.)ไม่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ในประเทศ การบริโภคน้ำมันในประเทศในระยะสั้นถึงกลางจะยังคงเติบโตสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

GULF (ราคาทางพื้นฐาน  48.0 บาท)

1.) เป็นหุ้น Defensive ในช่วงที่ตลาดหุ้นภาพรวมผันผวน

2.) KS ประเมินทิศทางกำไรโรงไฟฟ้า IPP อาทิ GULF ผลประกอบการครึ่งหลังจะฟื้นตัวชัด

3.) GULF กำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีกหลายแห่งซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทั้งยังกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะดำเนินธุรกิจนอกกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งคาดจะเป็นแหล่งสร้างกำไรสุทธิใหม่และเพิ่มการเติบโตในระยะยาว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 2.35% ตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 55.5 จุด (-2.1% MoM)
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าของจีนเดือน ส.ค. คาด +11.7% YoY และ +0.7% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดจีนเกินดุลการค้า US$93bn และตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด -US$70.5bn (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -US$79.6bn) ถ้อยแถลงของ Fed Brainard และ Fed Bar
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของไทย การประชุมของ ECB คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 50bps. เป็น 0.5% ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +240K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ +232K) ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือน ส.ค. คาด +2.8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY) ดัชนี PPI ของจีนเดือน ส.ค. คาด +3.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +4.2% YoY) ปริมาณ M2 ของจีนเดือน ส.ค. คาด +12.4% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +12% Yoy) และถ้อยแถลงของ Fed Waller
- Advertisement -