บล.บัวหลวง:
Thai Retailers – การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมที่รวดเร็ว ในเดือน ก.ค.- ส.ค. (NEUTRAL)
จากการตรวจสอบของเรา การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเต็มในเดือน ส.ค. แข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าเดือน ส.ค. จะเจอฝนมากกว่าเดือน ก.ค.ซึ่งส่งผลต่อปริมาณลูกค้าในบางร้านค้า แต่การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมกลับเร่งตัวขึ้น (โดยบางส่วนมาจากฐานที่ต่ำในเดือน ส.ค. 2564) หนุนมาจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ เราคาดการฟื้นตัวของการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมจะยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ย. และกลุ่ม Discretionary น่าจะ เห็นการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมและราคาหุ้นขยับตัวดีกว่าตัวอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีก
การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมตั้งแต่ต้นไดรมาสจนถึงปัจจุบันยังแข็งแกร่ง แม้จะมีฝนตกและน้ำท่วมในเดือน ส.ค.
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกับบริษัทค้าปลีก เพื่อคาดการณ์ยอดขายต่อสาขาเดิม (CPALL MAKRO CRC HMPRO GLOBAL และ DOHOME) ซึ่งเราเห็นถึงการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมที่รวดเร็วในเดือน ก.ค. และเดือน ส.ค. โดยบริษัทค้าปลีกส่วนใหญ่เห็นการฟื้นตัวของลูกค้าและยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2565 อย่างไรก็ดี หลายบริษัทกล่าวว่ายอดขายชะลอตัวลงในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักและน้ำท่วม แต่การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมจะยังเร่งตัวขึ้นในเดือน ส.ค. จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ทั้งนี้ กลุ่ม Discretionary (CRC และ HMPRO) เห็น SSSG ดีกว่าค้าปลีกกลุ่มอื่น หนุนมาจากการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมที่คาดจะเกินกว่า 50% สําหรับ CRC และ 25% สําหรับ HMPRO นับตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน ตามมาด้วย CPALL และ MAKRO ที่เห็นการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมในกรอบ 20-25% สําหรับ CPALL และเกือบ 10% สําหรับ MAKRO ทั้งๆ ที่ฐานปีที่แล้วค่อนข้างสูง จากการฟื้นตัวของลูกค้ากลุ่ม HoReCa
ถึงแม้ว่าจะเห็นฐานยอดขายต่อสาขาเดิมในไตรมาส 2/64 ที่ค่อนข้างสูง และการหยุดก่อสร้างเนื่องจากฝนที่ตกหนักในเดือน ส.ค. 2565 GLOBAL และ DOHOME ยังคงเห็นการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมแข็งแกร่ง นับตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/65 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาเหล็กที่ลดลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จะกดดันอัตรากําไรในไตรมาส 3/65 (โดยเฉพาะอัตรากำไรของ DOHOME)
ฐานในเดือน ก.ย. 2564 ที่ต่ำ และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากจะหนุนการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมเดือน ก.ย.
นอกจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3/65 เราคาดการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ (โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง) และนักท่องเที่ยวขาเข้าที่แข็งแกร่งจะหนุนการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม โดยบริษัทส่วนใหญ่คาดจะรายงานการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมที่แข็งแกร่งในเดือน ก.ย.
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากค่าไฟที่สูงขึ้น รีเทลอาจเห็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเดือน ต.ค. 2565 โดยเมื่อเดือน ส.ค. 2565 ทางคณะกรรมการค่าจ้างแนะนําให้ขึ้นค่าแรงอีก 5% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 (ข้อเสนอแนะยังรอการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอยู่) บนสมมุติฐานถ้าครม.อนุมัติการขึ้นค่าแรง 5% ปีน้ี เราคาดกำไรของกลุ่มค้าปลีกที่ส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้วจะลดลงไม่เกิน 0.4% ในปี 2565 และไม่เกิน 2% ในปี 2566
กลุ่ม Discretionary น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง
จากแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2565 การเปิดประเทศ และกำลังการใช้จ่ายที่ยังดีอยู่ของกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงบน (เทียบกับตลาดโดยรวม) กลุ่ม Discretionary มีแนวโน้มที่จะแสดงผลการดำเนินงานที่ดีกว่ารีเทลกลุ่มอื่นๆ ขณะที่เรายังคงชอบ CPN และ CRC เราคาด HMPRO จะเป็นหุ้น catch up (ปรับตัวช้ากว่ากลุ่ม Discretionary) CPALL (อีกหุ้นที่ปรับตัวขึ้นช้า ) น่าจะเป็นหุ้น catch up จากแนวโน้ม ไตรมาส 3/65 ที่กำไรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น QoQ และ YoY