Our View? “รับแรงกระแทก”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways – Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,624 / 1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,635 / 1,640 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงจากความกังวลการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่เมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานตัวเลขดัชนีภาคการบริการของสหรัฐเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 สวนทางจากที่ตลาดคาดว่าจะลดลง สะท้อนความสามารถในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของ FED ซึ่งหนุนทิศทาง Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเช้านี้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 110.45 จุด คาดจะกดดันทิศทางค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่า ลดทอนความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคได้บ้าง ผสานกับคาดตลาดมีความกังวลกับการออกมาตรการ Lockdown เมืองต่างๆ ของจีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนยังมีความอ่อนแอต่อไป คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. เช้านี้เริ่มปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าวข้างต้นจะลดทอนอุปสงค์น้ำมันลงต่อเนื่อง โดยเราแนะนำติดตามราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. หากปรับตัวลดลงต่ำกว่า 85.00 เหรียญ ซึ่งเป็นโซนที่เคยเป็นแนวรับที่ดีในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา คาดอาจเห็นแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมาถ่วงตลาดได้เพิ่มเติม

สำหรับพรุ่งนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 ก.ย. นี้ คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันยังมีความเปราะบางมากก็ตาม คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว-ถดถอย เป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศแนะนำติดตามการนัดประชุมด่วน 8 ก.ย. ของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคดีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาดความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจเป็น Noise เข้ารบกวนตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในโซนใกล้ระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น

ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H/65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “MAKRO”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 34.25 / 33.50 Target 37.50 / 43.50 Stop <33.50

- Advertisement -