บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Media Sector – ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Event
แนวโน้มใน 2H65F
Impact
ผลประกอบการกลุ่มสื่อฟื้นตัวขึ้นใน 1H65
ผลประกอบการรวมของหุ้นกลุ่มสื่อที่เราศึกษาอยู่ (BEC World (BEC.BK/BEC TB)*, Major Cineplex Group (MAJOR.BK/MAJOR TB)*, and Plan B Media (PLANB.BK/PLANB TB)*)) มีแนวโน้มดีขึ้น โดยพลิกเป็นกําไรสุทธิ 780 ล้านบาทใน 1H65 จากขาดทุนสุทธิ 48 ล้านบาทใน 1H64 แม้จะถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เนื่องจาก i) ยอดโฆษณาฟื้นตัวขึ้น ii) รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมโรคระบาด ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น iii) ผลจากฐานที่ต่ำ ทั้งนี้ MAJOR ฟื้นตัวได้เร็วที่สุดในกลุ่มเพราะเมื่อปีที่แล้วได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทั้งนี้ ยอดโฆษณารวมใน 1H65 เพิ่มขึ้น 5% YoY เป็น 4.89 หมื่นล้านบาท จากยอดโฆษณาในโรงภาพยนตร์ และสื่อนอกบ้าน (OOH)
คาดว่ายอดโฆษณาจะเพิ่มขึ้นใน 2H65F
ยอดโฆษณารวมในเดือนกรกฎาคม 2565 ยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 15% YoY และทรงตัว MoM เนื่องจาก i) ยอดโฆษณาของสื่อ OOH เพิ่มขึ้น 52% YoY และ 9% MoM ii) ยอดโฆษณาของสื่อ TV เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 4% MoM iii) ยอดโฆษณาในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นถึง 1,511% YoY แต่ลดลง 13% MoM ในขณะที่ยอดโฆษณาของสื่อดิจิทัลลดลง 12% YoY และ 29% MoM ในเดือนกรกฎาคม สําหรับงวด 7M65 ยอดโฆษณารวมเพิ่มขึ้น 6% YoY โดยยอดโฆษณาของโรงภาพยนตร์ และสื่อ OOH เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 128% YoY และ 28% YoY ตามลำดับ ในขณะที่ยอดโฆษณาของสื่อ TV ยังมีสัดส่วนสูงที่สุด (64% ของยอดโฆษณารวม) โดยทรงตัว YoY ในงวด 7M65 เราคาดว่ายอดโฆษณารวมจะดีขึ้น HoH ใน 2H65F โดยคาดว่ายอดโฆษณาจะทรงตัว QoQ ใน 3Q65F และจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้ง QoQ/YoY ใน 4Q65F เนื่องจาก i) ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทำให้กิจกรรมทางธุรกิจ และยอดโฆษณาเพิ่มขึ้น ii) เป็นช่วง high season ของยอดโฆษณา
Utilization rate ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ของกลุ่มสื่อ
ถึงแม้ว่าธุรกิจโฆษณาจะฟื้นตัวขึ้น แต่เรายังคาดว่าบริษัทในกลุ่มสื่อ (BEC, PLANB) จะยังไม่สามารถเพิ่มรายได้ด้วยการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา เพราะยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทั้งนี้ utilization rate ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนรายได้ของกลุ่มสื่อในระยะสั้นถึงกลาง สำหรับในระยะต่อไป เราคิดว่าการทำเรตติ้งแบบ cross-platform น่าจะช่วยให้นับเรตติ้งได้มากขึ้น และจะทำให้รายได้ของบริษัทสื่อที่มีหลาย platform ที่ยัง active อยู่อย่าง เช่น BEC มี upside อีก ส่วนในกรณีของ PLANB เราคาดว่าภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้กิจกรรมทางธุรกิจกลับเป็นปกติ และทำให้ยอดโฆษณาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลการดำเนินงานของ MAJOR จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไปเนื่องจากมีโปรแกรมหนังเด็ดจาก Hollywood รอเข้าโรงฉาย ในขณะที่รายได้จากค่าโฆษณาคิดเป็น 19% ของประมาณการรายได้รวมในปี 2565F ของเรา
Valuation and actions
จากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มสื่อที่ Overweight โดยเราแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มสื่อทุกตัว โดยประเมินราคาเป้าหมายของ BEC ที่ 15.30 บาท ของ MAJOR ที่ 26.75 บาท ของ PLANB ที่ 7.30 บาท โดยเราเลือก MAJOR เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ของเรา เนื่องจาก i) คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 2H65F และในปี 2566F เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่มีการฟื้นตัวเร็วกว่า และมีโปรแกรมหนังเด็ดรอเข้าโรงฉายในช่วง 4Q65-2566 ii) ราคาหุ้นยังมี upside ถึงราคาเป้าหมาย
Risks
ยอดโฆษณาต่ำกว่าที่คาดไว้
การกลับมาเปิดเศรษฐกิจช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของยอดโฆษณา
ยอดโฆษณารวมใน 1H65 เพิ่มขึ้นเป็น 4.89 หมื่นล้านบาท (+5% YoY) จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุด คือ สื่อโรงภาพยนตร์ และ OOH ซึ่งโตถึง 97% YoY และ 24% YoY ใน 1H65 ตามลำดับ เนื่องจากมีการดำเนินกิจกรรมนอกบ้านเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนสภาวะของธุรกิจ ในขณะที่ยอดโฆษณาผ่านสื่อ TV ยังทรงตัว YoY ใน 1H65 เนื่องจากบริษัทในภาคธุรกิจ และเอเยนซี่สื่อยังคงระมัดระวังที่จะใช้งบการตลาด และงบโฆษณาอย่างเต็มที่ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในช่วงที่เงินเฟ้อสูง
ในเดือนกรกฎาคม 2565 ยอดโฆษณารวมเพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ทรงตัว MoM โดยที่ยอดโฆษณาผ่านสื่อ TV (67% ของยอดโฆษณารวม) ทรงตัว YoY และเพิ่มขึ้น 3% MoM ในขณะที่ยอดโฆษณาผ่านสื่อโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นถึง 1,511% YoY จากฐานที่ต่ำ เพราะมีการปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราวในปีที่แล้ว แต่ลดลง 13% MoM ส่วนยอดโฆษณาผ่านสื่อ OOH เพิ่มขึ้น 52% YoY และ 9% MoM ทั้งนี้ เราคาดว่ายอดโฆษณารวมจะเพิ่มขึ้น HoH ใน 2H65F โดยจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย QoQ ใน 3Q65F แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งใน 4Q65F ทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วง high season และภาวะศรษฐกิจเอื้ออำนวยมากขึ้น
ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
ผลประกอบการของธุรกิจสื่อมีแนวโมฟื้นตัวตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม (แม้จะไม่ได้ฟื้นตัวทุกกลุ่ม) โดยกำไรสุทธิรวมใน 2Q65 ของหุ้นกลุ่มสื่อที่เราศึกษาอยู่ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง QoQ ในขณะที่ผลปรกอบการรวมในงวด 1H65 พลิกฟื้นเป็นกำไรสุทธิ 780 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 48 ล้านบาทใน 1H64 เนื่องจาก i) ยอดโฆษณาฟื้นตัวขึ้น ii) รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมโรคระบาด iii) ผลจากฐานที่ต่ำ โดยผลประกอบการของ MAJOR ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจาก i) มีโปรแกรมหนังเด็ดรอเข้าโรงฉาย ii) มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคระบาด และในปีที่แล้ว ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราว ส่วนผลประกอบการของ PLANB จะได้แรงหนุนจากการที่ผู้คนดำเนินกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น และยอดโฆษณาเพิ่มขึ้นใน 1H65 ในขณะที่ผลประกอบการของ BEC ดีขึ้น 7% YoY เนื่องจากบริษัทบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดี
คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2H65F จะดีขึ้น HoH
เราคาดว่ายอดโฆษณาจะแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ 2H65F เป็นต้นไป จากโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่ลดลง ทั้งนี้ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยคาดว่ายอดโฆษณาจะโต 5-8% ใน 2H65F (จากที่โต 5% ใน 1H65) โดยสื่อ OOH และสื่อดิจิทัล มีแนวโน้มเป็นบวก แต่ถึงแม้ว่าธุรกิจโฆษณาจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น แต่เราคาดว่าบริษัทในกลุ่มสื่อจะยังไม่สามารถเพิ่มรายได้ด้วยการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา เพราะยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทั้งนี้ utilization rate ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนรายได้ของกลุ่มสื่อในระยะสั้นถึงกลาง แต่ในทางกลับกัน เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ MAJOR จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป เนื่องจากมีโปรแกรมหนังเด็ดจาก Hollywood รอเข้าโรงฉาย ในขณะที่รายได้จากค่าโฆษณาคิดเป็น 19% ของประมาณการรายได้รวมในปี 2565F ของเรา
BEC World (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท)
เราคาดว่าผลประกอบการของ BEC จะดีขึ้นใน 2H65F เนื่องจาก i) รายได้จากยอดโฆษณาจะเพิ่มขึ้นตาม utilization ของช่วงเวลาออกอากาศที่เพิ่มขึ้น ii) มีรายได้จากการขาย content licensing เพิ่มขึ้น เราคาดว่า utilization rate จะเพิ่มขึ้นเป็น 77% ใน 2H65F (ต่ำกว่าเป้าของบริษัทใน 2H65 ที่ >80% แต่สูงกว่า 68% ใน 1H65) จากการออกอากาศละครและรายการใหม่ๆ ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าจะมีการนำวิธีการวัดเรตติ้งแบบ cross-platform มาใช้ตั้งแต่ 1Q66 เป็นต้นไป ซึ่งเราคาดว่าระบบใหม่นี้จะทำให้นับเรตติ้งได้มากขึ้น และทำให้รายได้ของสื่อที่มี platform หลากหลายอย่าง BEC มี upside อีก
Major Cineplex Group (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26.75 บาท)
เราคาดว่าผลประกอบการของ MAJOR ใน 2H65F จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ HoH เนื่องจาก i) มีโปรแกรมหนังเด็ดจาก Hollywood จ่อคิวลงโรงฉาย อย่างเช่น Avatar, Black Planter, Black Adam, ii) ยอดขายเครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวเพิ่มขึ้น iii) ผลจากฐานที่ต่ำ (มีการปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราวใน 3Q64) สำหรับแนวโน้มในปี 2566 เราคาดว่าผลประกอบการน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจาก หลังฟอร์มยักษ์ที่จะเข้าโรงในปีหน้า
Plan B Media (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท)
เราคาดว่าผลประกอบการของ PLANB ใน 2H65F จะดีขึ้น HoH เนื่องจาก i) รายได้จากสื่อ OOH เพิ่มขึ้นเพราะอัตรา utilization เพิ่มขึ้น ii) รายได้จากธุรกิจ engagement marketing เพิ่มขึ้น เพราะมีการจัดงาน sports marketing events และกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปินเพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่า utilization rate ในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 56% (ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 60%) ซึ่งหมายความว่า utilization rate ใน 2H65F น่าจะอยู่ที่ 57% (เพิ่มขึ้นจาก 55% ใน 1H65) ทั้งนี้ utilization rate ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมอยู่ที่ประมาณ 54-55%
การทำเรตติ้งแบบ Cross-platform
ผู้ประกอบการโทรทัศน์ต่างพากันแพร่ภาพเนื้อหารายการผ่าน platform ดิจิทัลกันอย่างคึกคักเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีการใช้เวลาดูเนื้อหารายการ TV จาก smartphone, laptop หรือ PC มากขึ้น ทำให้เรตติ้งโดยรวมของสื่อ TV ลดลงมาเรื่อยๆ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ร่วมมือกับ Nielsen Media Research (Thailand) ในการพัฒนาวิธีการวัดเรตติ้งแบบ cross-platform เพื่อสนับสนุนการวัดจำนวนผู้ชมจากทั้งสื่อโทรทัศน์ และสื่อดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสื่อสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้ดีขึ้นทั้งคู่ เราเชื่อว่าระบบใหม่นี้จะทำให้วิธีการนับเรตติ้ง เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน และผู้ประกอบการที่มีการแพร่ภาพผ่าน platform ที่หลากหลายอย่างเช่น BEC, ONEE และ WORK น่าจะได้อานิสงส์จากระบบการวัดเรตติ้งแบบ cross-platform โดยคาดว่า จะมีการนำระบบใหม่นี้มาใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
