Our View? “ผ่อนคลายเงินเฟ้อ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,635 / 1,630 และแนวต้านที่บริเวณ 1,644 / 1,650 คาดตลาดจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลจากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไปยาวนาน หลังเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 85.00 เหรียญ ที่เราแนะนำาให้ติดตามเมื่อวานนี้ โดยโซนดังกล่าวเคยเป็นแนวรับที่ดีในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 81.94 ดอลลาร์/บาร์เรล -4.94 ดอลลาร์ (-5.69%) หลังสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานตัวเลขยอดส่งออก จีนเดือน ส.ค. +7.1% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ +18.0% YoY อีกทั้งยอดนำเข้าน้ำมันดิบของจีนลดลง คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงถ่วงทิศทางตลาดหุ้นไทยได้บ้าง แต่คาดจะลดความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อที่มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานานของ FED สอดคล้องกับ Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงหลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 10.78 จุด รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) อ่อนตัวลงเช่นกัน คาดจะกระตุ้นทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงแกว่งตัวขึ้นได้ และเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF)

สำหรับวันนี้แนะนำติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 ก.ย. นี้ คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันยังมีความเปราะบางมากก็ตาม คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว-ถดถอย เป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง แต่คาดจะกระตุ้นค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น กดดัน Dollar Index อ่อนตัวลงได้เช่นกัน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศแนะนำติดตามการนัดประชุมด่วนของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาคดีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาดความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจเป็น Noise เข้ารบกวนตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ดเรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในโซนใกล้ระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัว ขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น

ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H165 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม “CPALL” แนวรับ 60,00 / 59.00 Target 64.50 / 68.00 Stop <59.00

ทยอยซื้อสะสม “BGRIM” แนวรับ 36.25 / 35.75 Target 40.00 / 42.00 stop <35.50

- Advertisement -