Our View? “ยิ่งสูงยิ่งหนาว”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,650 / 1,640 และแนวต้านที่บริเวณ 1,660 / 1,666 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยล่าสุด CME FedWatch Tool บ่งชี้ ตลาดคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในเดือน ก.ย. ที่ความน่าจะเป็น 90.0% สะท้อนตลาดรับรู้ความกังวลดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว สอดคล้องกับ Dollar Index เริ่มวกตัวลงบ้างแล้วล่าสุดอยู่ที่ระดับ 108.97 หลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 10.78 ก่อนหน้า คาดจะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าได้บ้างเป็นปัจจัยดึงดูดความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคในแง่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐคาดจะออกมาที่ระดับ +8.0% YoY และ -0.1% MoM คาดอาจสร้างความผันผวนระยะสั้นให้กับตลาดได้บ้างในระยะสั้น
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมารีบาวด์ขึ้น แรงปิดที่ระดับ 86.79 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.25 ดอลลาร์ (+3.89%) โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่รัสเซียอาจระงับการส่งพลังงานให้กับชาติตะวันตก หากชาติตะวันตกใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เรามองแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงตามความอ่อนแอของเศรษฐกิจ โลกจากการคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ และการออกมาตรการ Lockdown ของจีน คาดยังเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลงได้ต่อในระยะกลางในด้านอุปสงค์อ่อนแอ มองการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงานเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) ตามทิศทางราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนลดลงต่อเนื่อง
ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งสัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทยกว่า 1.09 หมื่นล้านบาท คาดจะเป็นจิตวิทยา เชิงบวกต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรายังคงมีมุมมองให้นัก ลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยที่อยู่เหนือระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของ ตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ –0.5 S.D. ใน ปีนี้ คาดจะจํากัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น
ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) กลุ่มค้าปลีก (BIC, CPALL, CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ตามทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้-ช่วงปีหน้า
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้
กลยุทธ์
ทยอยซื้อสะสม “KBANK” แนวรับ 146.00 / 145.00 Target 158.00 / 162.00 stop <144.50
ทยอยชื้อสะสม “CHAYO” แนวรับ 10.50 / 10.30 Target 11.30 / 12.60 Stop <10.20