Daily Focus: Domestic and Selective Play
2022 SET Target: 1670
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงกว่าคาด สามารถปิดบวกได้ 14.62 จุด ทะลุผ่านจุดสูงสุดของรอบนี้ที่ 1,650 จุด หนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ภาพทางเทคนิคเป็นบวก สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 295 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 1.3 พันลบ. (และ Long Index Futures สูงถึงกว่า 2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่อง และมีแนวด้านหลักที่ 1,665+- จุด ระยะสั้นยังคงได้ Sentiment บวกจากเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น อย่างไรก็ตาม คาด Upside ยังไม่กว้าง และมีปัจจัยต้องติดตามคือตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯที่จะประกาศคืนพรุ่งนี้ ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป +8.1% Y-Y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +6.1% Y-Y ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะกดดันตลาดให้มีโอกาสพลิกลบอีกครั้ง รวมถึงยิ่งตอกย้ำโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในสัปดาห์หน้า (ความน่าจะเป็นปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 90%) ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากความกังวลด้าน Supply และกำลังจะเข้าช่วงฤดูหนาวในช่วง 2 เดือนข้างหน้า เรายังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนจุดในการเข้าสะสมระยะกลาง-ยาวยังอยู่ที่ 1,600-1,610+- จุด
กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Value Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CH
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.35 บาท
- เป็นผู้ผลิตและจําหน่ายผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ ส่งออกกว่า 70% ของรายได้ และส่วนใหญ่เป็น OEM ผลประกอบการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถูกกระทบจาก COVID-19 และการขาดแคลนสายเรือ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลาย ประกอบกับการขยายฐานลูกค้าไปยุโรป บวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มขนมเพื่อสุขภาพ เราคาดกำไรปี 2022-2024 +26% CAGR และเริ่มเห็น Upside
- Finansia เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายฯ
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$121 ล้าน ไหลเข้าอาเซียนทุกประเทศ หลังเม็ดเงินกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ส่วนเกาหลีใต้และไต้หวันปิดทำการ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลเข้าต่อเนื่องระยะสั้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังฟื้นตัวดี อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คืนพรุ่งนี้
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) MAKRO เรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตที่สดใส จากทั้งการขยายสาขา การรุกตลาดใหม่ และการปรับ Product Mix ไปยังฝั่งอาหารมากขึ้น รวมถึง Synergy ระยะยาวกับ Lotus’s ส่วนระยะสั้นผลการดำเนินงานยังมีแรงกดดันจาก SG&A และค่าใชจ่ายทางการเงินที่สูงจากกิลควบรวม ทําให้เราปรับลดประมาณการก่าไรปกติปี 2022 ลงเป็น -30% Y-Y อย่างไรก็ตาม จะกลับมาโตแกร่ง +35% Y-Y ในปี 2023 รวมถึงปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 42 บาท อย่างไรก็ตาม ยังมี Catalyst บวกหาก สามารถเพิ่ม Free Float ขึ้นเหนือ 15% ในอนาคต จะมีโอกาสเข้าคำนวณใน SET50 และ DJSI ในอนาคต ยังคงค่าแนะนำา “ซื้อ”
(+) ICHI คาดประชุม Opp Day วันนี้จะมีโทนบวกหลังมีแผนออกสินค้าใหม่ 5-6 รายการในเดือน ก.ย.-พ.ย. ล่าสุดรายได้ ก.ค.-ส.ค. ยังโตสูง 30%-35% Y-Y มาจากการขายในประเทศเป็นหลัก และมีการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้นเป็น 63% จาก 59% ใน 2Q22 ขณะที่ต้นทุนพลาสติกทรงตัว คาดกำไร 3Q22 จะเร่งขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ทำจุดสูงสุดของปี และมีโอกาสทำให้กำไรปี 2022 ทรงตัวจากปีก่อนได้หลัง 1H22 -10% Y-Y ส่วนปี 2023 คาดกำไรเร่งขึ้น +15% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 11 บาท แนะนำ “เก็งกําไร”
(+) KSL กำไรสุทธิ 3Q22 +25% Q-Q, +827% Y-Y ดีกว่าคาดมากและสูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส หนุนจากทั้งปริมาณขายน้ำตาลที่พุ่งแรงตามฤดูกาลส่งออกและฐานต่ำปีก่อนจาก COVID-19 ส่วนราคาขายสูงจากการล็อคราคาล่วงหน้า ส่งผลให้ Gross Margin เร่งขึ้น และ SG&A/Sales ปรับลดลง รวม 9M22 กำไรสุทธิ +171% Y-Y มากกว่าที่เราคาดทั้งปีไปแล้ว ขณะที่แนวโน้ม 4Q22 คาดอ่อนตัวลงตามฤดูกาล เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการค่าไรและราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบัน 4.70 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,151.71 จุด เพิ่มขึ้น 377.19 จุด หรือ +1.19% รีบาวน์ขึ้นหลังนักลงทุนปรับตัวรับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร จากการคาดการณ์ว่า ECB จะมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับบวก โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ
(+) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.25 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 86.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ใต้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.4 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,728.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 966.64 / -1.51