บล.บัวหลวง:

Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB/KSL.BK)

KSL – สูงกว่าคาดอย่างมาก; คาดพลิกกลับไปเป็นกำไรหลัก YoY ในไตรมาส 4/65

สูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

KSL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 (1 พ.ค.–31 ก.ค. 2565) ที่ 519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 827% YoY และ 25% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ 4 รายการในไตรมาส 3/65 ซึ่งได้แก่ 1) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 42 ล้านบาท 2) กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงตราสารอนุพันธ์ 38 ล้านบาท 3) ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย 30 ล้านบาท และ 4) สำรองหนี้สงสัยจะสูญ 10 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 261% YoY และ 33% QoQ กำไรสุทธิ และกำไรหลักสูงกว่าคาดคิดเป็น 73% และ 77% ตามลำดับ เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำกว่าคาด ยอดขายสูงกว่าคาด 5% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 18.4% ในไตรมาสนี้ ถือว่าสูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 13% (เทียบกับ 10.7% ในไตรมาส 3/64 และ 16% ในไตรมาส 2/65) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมต่ำกว่าคาด เนื่องจากขาดทุนสุทธิจาก BBGI

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่เติบโตแรงมาก YoY เนื่องจากกำไรขั้นต้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (เนื่องจากวอลุ่มขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นและราคาส่งออกน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น) กลบผลกระทบของต้นทุนอ้อยที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3/65 กำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำตาลและกากน้ำตาลอยู่ที่ 966 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 160% YoY และ 138% QoQ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำตาลเพิ่มขึ้นจาก 13.2% ในไตรมาส 3/64 และ 11.5% ในไตรมาส 2/65 ไปอยู่ที่ 19.8% ในไตรมาส 3/65 วอลุ่มขายน้ำตาลของ KSL สำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 2.42 แสนตันในไตรมาส 3/65 (เพิ่มขึ้น 61% YoY และ 31% QoQ) ซึ่งแบ่งเป็นวอลุ่มส่งออกที่ 2.08 แสนตัน (เพิ่มขึ้น 82% YoY และ 41% QoQ) หากรวมวอลุ่มขายน้ำตาลจากต่างประเทศเข้ามาด้วย วอลุ่มขายน้ำตาลโดยรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.46 แสนตัน เพิ่มขึ้น 57% YoY และ 28% QoQ ในขณะที่ราคาขายน้ำตาลของประเทศไทยเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 18,253 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 8% QoQ (หนุนโดยราคาส่งออกน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น)

ยอดขายของธุรกิจน้ำตาลและกากน้ำตาลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.88 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% YoY และ 39% QoQ ในขณะที่ยอดขายของธุรกิจ ไฟฟ้าในไตรมาสนี้อยู่ที่ 349 ล้านบาท ลดลง 2% YoY และ 13% QoQ วอลุ่มขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้ลดลง 4% YoY และ 14% QoQ ไปอยู่ที่ 99,158 เมกะวัตต์-ชั่วโมง แต่ราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7% YoY และ 3% QoQ ไปอยู่ที่ 3,368 บาท/เมกะวัตต์-ชั่วโมง ในขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจไฟฟ้าอยู่ที่ 4 ล้านบาทในไตรมาสนี้ พลิกกลับไปเป็นกำไร YoY จากขาดทุนขั้นต้น 51 ล้านบาทในไตรมาส 3/64 เนื่องจากการใช้กากอ้อยราคาถูกในปริมาณที่มาก ซึ่งมาจากแหล่งของโรงงานน้ำตาลของ KSL โดยตรง

แนวโน้ม

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 4/65 (1 ส.ค.-31 ต.ค. 2565) ที่ 200 ล้านบาท พลิกกลับไปเป็นกำไร YoY จากขาดทุนหลัก 365 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 (โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเนื่องจากฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำมากในไตรมาส 4/64 บวกกับวอลุ่มขายน้ำตาลและราคาขายน้ำตาลที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น) เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/65 ที่ 13% เพิ่มขึ้นจาก 1.8% ในไตรมาส 4/64 เราประมาณการวอลุ่มขายน้ำตาลรวมที่ 2 แสนตันในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 20% YoY ในขณะที่ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ย ในไตรมาส 4/65 ที่ 17,500 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 7% YoY ราคาน้ำตาลโลกเฉลี่ยตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/65 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 18.1 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวในกรอบราคาสูงในช่วงที่ 17.6-18.5 เซนต์/ปอนด์ใน ระหว่างวันที่ 1 ส.ค.-9 ก.ย. 2565

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เนื่องจากกำไรไตรมาส 3/65 ที่ออกมาสูงกว่าที่คาดอย่างมาก เราจึงทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 33% (ไปอยู่ที่ 1.52 พันล้านบาท) และปรับประมาณการกำไรหลักปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 26% (ไปอยู่ที่ 1.39 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนประมาณการยอดขายที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 16% ไปอยู่ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท และประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 15.4% ไปเป็น 16.3% ราคาเป้าหมาย ซึ่งประเมินด้วยวิธี PER ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 5.85 บาท โดยอ้างอิงกับ PER เฉลี่ยระยะยาวของหุ้น KSL ที่ 17 เท่า

คําแนะนํา

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากกำไรหลักปี 2565 ที่จะเติบโตแรงมาก (หนุนโดยอัตรากำไร ขั้นต้นที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากธุรกิจน้ำตาล) มูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าถูกมาก โดยซื้อขายที่ PER ปี 2565 เพียงแค่ 10.8 เท่า

- Advertisement -